เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตนได้ประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการช่วยเหลือสถานศึกษาที่ประสบภัยพิบัติของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ซึ่งที่ประชุมได้หารือถึงมาตรการเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 โดยได้เน้นย้ำให้สถานศึกษาทุกแห่งให้ความร่วมมือเข้าไปกรอกข้อมูลบนเว็บไซต์ Thai Stop covid plus ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จำนวน 44 ข้อ เพื่อให้ระบบดังกล่าวตรวจสอบข้อมูลว่าเป็นไปตามมาตรการที่กำหนดหรือไม่ หากระบบประมวลผลแล้วพบสถานศึกษามีข้อมูลไม่ครบก็ไม่สามารถอนุมัติให้เปิดการเรียนการสอนได้ จึงขอให้สถานศึกษาเร่งกรอกข้อมูลให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 เม.ย.นี้ ขณะเดียวกัน บุคลากรภายในโรงเรียนรวมถึงนักเรียนแต่ละคนจะต้องกรอกข้อมูลสุขภาพรายบุคคลด้วยเช่นกัน โดยให้กรอกข้อมูลดังกล่าวได้จนถึงวันที่ 17 พ.ค.

ด้านนายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้เสนอให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาสังกัด สพฐ.ทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 เป็นกลุ่มแรก เนื่องจากครูต้องใกล้ชิดกับนักเรียนจำนวนมาก และยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่พ่อแม่ผู้ปกครองเมื่อเปิดภาคเรียนใหม่แล้ว จะสามารถลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อโควิด-19 ได้ระดับหนึ่ง อีกทั้งยังการันตีได้ว่าโรงเรียนมีมาตรการความปลอดภัยด้านสุขภาพอย่างแน่นอน โดยขณะนี้ได้ดำเนินการนำเสนอมาตรการดังกล่าวให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ชุดเล็กได้พิจารณาแล้ว

เลขาธิการ กพฐ. กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ระหว่างปิดภาคเรียนขณะนี้ สพฐ.ขอย้ำให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคนได้หลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มคนเป็นจำนวนมาก หรือไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงโดยไม่มีความจำเป็น เพราะไม่เช่นนั้นหากครูคนหนึ่งคนใดติดเชื้อขึ้นมาจะส่งผลกระทบต่อการจัดการเรียนการสอน และยังเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อไปยังเด็กนักเรียนด้วย ดังนั้น ขอให้ข้าราชการครูทุกคนได้ปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อย่างเคร่งครัด ซึ่งขอให้สิ่งที่ สพฐ.ออกมาตรการย้ำแนวปฏิบัติที่ออกไปนี้ถือเป็นคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ดังนั้น ข้าราชการครูทุกคนจะต้องถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด.

ที่มา thairath