พปชร.โต้มติ ป.ป.ช.ชี้มูล ส.ส.เสียบบัตรไม่เป็นธรรม “ไพบูลย์” มาเหนือจ้องใช้อำนาจนิติบัญญัติแก้ก.ม.ล้างบาปให้ ภท.สงสัยชี้มูลความผิดซ้ำซ้อนสั่ง ส.ส.สู้คดี “ชวน” ขอรอดูคำวินิจฉัยก่อนส่งเรื่องเข้า กก.จริยธรรม “นิพิฏฐ์” โอดตรวจสอบโคตรยาก “ประยุทธ์” ให้ “ปรีชา” ชี้แจงทรัพย์สินเอง “อาคม” ร่ายยาวจำเป็นจริงๆต้องกู้เงิน 5 แสน ล. “โจ้” ไม่ตีเช็คเปล่าให้ไปถลุงเล่น กก.เล่นแรงฉีกเอกสารพ.ร.ก.ฯ กลางสภาฯ “สาทิตย์” จวกวัคซีนอภิสิทธิ์ชน ซื้อขายคิวฉีดวีไอพีตีโค้ด “รุ่งเรือง” เด็ก ภท.เย้ยไปกู้หน้านายกฯก่อนกู้เงิน “บิ๊กตู่” โต้เดือดไม่โง่ก่อหนี้ทะลุเพดาน ถามลั่นมาไล่กันตอนนี้มันใช่เหรอ
หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด ส.ส.กรณีเสียบบัตรแทนกัน ทำให้นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย พร้อมแสดงท่าทีอาจใช้อำนาจในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ไปดูว่าเกิดจากปัญหาด้านกฎหมายหรือเปล่า
“ชวน” ขอรอดูคำวินิจฉัย ป.ป.ช.
เมื่อเวลา 08.10 น. วันที่ 9 มิ.ย. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด ส.ส.เสียบบัตรแทนกันในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 โดยมี ส.ส. 2 คน คือ นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา และ น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ต้องส่งเรื่องกลับมาที่สภาฯเพราะต้องตรวจสอบจริยธรรม เนื่องจากกระทำผิดระเบียบข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า หากเป็นกรณีที่ต้องส่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.ต้องไปดำเนินการเอง แต่หากเกี่ยวกับจริยธรรมต้องส่งมาที่สภาผู้แทนราษฎร ทั้งหมดนี้ต้องรอดูรายละเอียดคำวินิจฉัยอีกครั้ง สอบถามไปแล้วพบว่าเรื่องยังส่งมาไม่ถึงสภาฯ
“นิพิฏฐ์” โอดคดีนี้ตรวจสอบยาก
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ตามที่ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด ส.ส.ที่เสียบบัตรแทนกัน เรื่องนี้เป็นความผิด 2 กรณี คือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และความผิดฐานฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 226, 235 มีคนถามว่า ส.ส.ที่เสียบบัตรแทนกันมีแค่นี้หรือ ขอตอบว่ายังมีอีกหลายคน ไม่ได้โกรธเคืองใครส่วนตัว ที่ทำเพราะเป็นข้อมูลที่เห็นประจักษ์เอง กว่าจะทำคดีนี้ได้ยากลำบาก ไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากใคร หาข้อมูลยากมาก แม้แต่พรรคที่สังกัดก็ไม่มีใครสอบถามอะไร ระบบการเมือง และระบบความยุติธรรมของประเทศกำลังถูกกัดกร่อนอย่างรุนแรง
พปชร.จ้องแก้ ก.ม.ล้างบาป ส.ส.
นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิด น.ส.ธนิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ มองว่าไม่เป็นธรรม กรณีนี้เจ้าตัวลืมบัตรไว้ โดยไม่ได้มอบหมายหรือฝากบัตรไว้กับใคร ดังนั้น เพียงอาศัยหลักฐานแค่นี้กล่าวหาว่ากระทำผิดอาญาโทษร้ายแรง ถือว่าไม่ยุติธรรม และไม่เห็นด้วยที่เอาเรื่องไปยื่นต่อศาลฎีกาว่าเป็นการละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญถือว่า น.ส.ธนิกานต์ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ กำลังดูว่ามี ช่องทางใดดำเนินการได้บ้าง ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติจะไปดูว่าเกิดจากปัญหาด้านกฎหมายหรือเปล่า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมคุ้มครองคนที่ไม่ควรไปโดนดำเนินคดีลักษณะแบบนี้ ได้ให้กำลังใจ น.ส.ธนิกานต์ มั่นใจว่ามีข้อต่อสู้ไม่มีหลักฐานเอาผิดได้
ภท.สงสัย ป.ป.ช.ชี้มูลซ้ำซ้อน
recommended byLONGINES STOREผู้คนรีบซื้อนาฬิกา Longines จำลองพร้อมส่วนลดสูงสุด 50%เรียนรู้เพิ่มเติม
นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนสมาชิกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ขั้นตอนจากนี้เมื่อ ป.ป.ช.ส่งเรื่องให้อัยการส่งฟ้อง หรืออาจส่งฟ้องเอง ทางพรรคให้ ส.ส. และอดีต ส.ส.ที่มี ชื่อดังกล่าวสู้คดีเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ทั้งนี้ มีประเด็นน่าสนใจว่ากระบวนการหรือขั้นตอนแต่ละกรณีที่กล่าวหาว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง และมีโทษทางอาญา เป็นเรื่องที่ทำหน้าที่ซ้ำซ้อนหรือไม่ เพราะสภาฯมีคณะกรรมการจริยธรรมตรวจสอบอยู่แล้ว แต่ตั้งข้อสังเกตว่าที่ถูกชี้มูลทั้งทางอาญาและด้านจริยธรรมจะเป็นการ ซ้ำซ้อนกันหรือไม่ เพราะเป็นการทำผิดในกรณีเดียวกัน ดำเนินคดีได้เพียงคดีเดียว
“บิ๊กตู่” ให้น้องชายไปชี้แจงเอง
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวเพียงสั้นๆถึงกรณี ป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหา พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ส.ว. กรณีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จว่า “ให้เขา ชี้แจงเอง”
ชงปล่อย “ปู” ไม่ผิดเยียวยาม็อบ
ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. ถึงความคืบหน้าการตั้งองค์คณะไต่สวน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ ครม.รวม 34 ราย ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองปี 2548-2553 โดยไม่มีอำนาจ และไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ โดยมีการช่วยเหลือพวกพ้องตัวเอง ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. องค์คณะไต่สวนคดีดังกล่าวได้สรุปความเห็นในคดีว่า พยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะชี้มูลความผิด เพื่อดำเนินคดีอาญาต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์กับพวก ตามข้อกล่าวหา และเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่มีเจตนาทุจริต โดยพบว่าดำเนินการเยียวยาให้ทุกกลุ่ม ทุกสี ไม่ได้เยียวยาเฉพาะกลุ่ม หลังจากนี้จะนำข้อสรุปที่ได้เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ให้พิจารณาลงมติต่อไปภายใน 1-2 สัปดาห์
recommended byLONGINES STOREลด 50% จากนาฬิกา Longines จำลองที่ร้อนแรงที่สุดเรียนรู้เพิ่มเติม
“อาคม” ร่ายยาวกู้เงิน 5 แสน ล.
เมื่อเวลา 10.00 น. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณา พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 หรือ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ชี้แจงว่า ที่ผ่านมารัฐบาลแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 มาต่อเนื่อง ผ่านแหล่งเงินภายใต้กรอบกฎหมายที่มีอยู่ แต่พบว่ายังไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาการระบาดในระลอกใหม่ได้ อีกทั้งเงินทุนสำรองจ่ายที่เหลืออยู่มีไม่เพียงพอ ขณะที่การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2564 รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากการจัดเก็บรายได้ปี 2564 มีข้อจำกัด และได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หากจะรอแหล่งเงินจากงบประมาณปี 2565 จะไม่ทัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว รัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วนเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดเชื้อโควิด ซึ่งไม่อาจดำเนินการให้ได้มาโดยวิธีงบประมาณปกติ จึงเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เป็นทางเลือกสุดท้ายของรัฐบาลในการตรา พ.ร.ก.ฉบับนี้
การันตีภาระหนี้ไม่เกินเพดาน
นายอาคมกล่าวว่า พ.ร.ก.กู้เงินฉบับนี้มีสาระสำคัญคือ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยารักษาโรค วัคซีน วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท ช่วยเหลือเยียวยา และชดเชยแก่ประชาชนทุกสาขาอาชีพ วงเงิน 3 แสนล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 1.7 แสนล้านบาท รัฐบาลตระหนักถึงวินัยการเงินการคลัง ความคุ้มค่า ความโปร่งใส กำหนดกรอบการใช้เงินอย่างรอบคอบรัดกุม ทั้งนี้ ตัวเลขหนี้ของไทยสิ้นเดือน เม.ย.2564 อยู่ที่ร้อยละ 50.69 ต่อจีดีพี ยังต่ำกว่ากรอบเพดานหนี้สากล การก่อหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น กระทรวงการคลังจะทำด้วยความรอบคอบ อยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง
“โจ้” ไม่ตีเช็คเปล่าให้ไปถลุงเล่น
จากนั้นนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายท้วงติงว่า พ.ร.ก.กู้เงินดังกล่าวคล้ายกับตีเช็คเปล่าให้นายกฯนำเงินไปใช้จ่ายโดยไม่มีรายละเอียด เหมือน พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ที่อ้างความจำเป็นเร่งด่วนแต่การใช้จ่ายเงินล้มเหลว ไม่สามารถบริหารจัดการการระบาดเชื้อโควิด-19 ได้ อย่างการจัดสรรให้ระบบสาธารณสุข 4.5 หมื่นล้านบาท พบว่ามีการเบิกจ่ายไปเพียงร้อยละ 26 หรือ 1.1 หมื่นล้านบาทเท่านั้น มาครั้งนี้จะขอเพิ่มอีก 3 หมื่นล้านบาท อ้างจะให้บุคลากรแถวหน้า แต่ปรากฏว่า อสม.ต่างจังหวัดต้องไปขอเงินจากนักการเมืองมาทำประกันชีวิต ถามว่าทำไมไม่นำเงินจากรัฐบาลไปใช้ ขณะที่อุปกรณ์การแพทย์และวัคซีนยังมีไม่เพียงพอ ส่วนการเยียวยา วงเงิน 7 แสนล้านบาท เบิกจ่ายไป 6 แสนล้านบาท รัฐบาลควรเปลี่ยนจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท เป็น พ.ร.บ.งบประมาณกลางปี วงเงิน 5 แสนล้านบาทแทน เพื่อให้สภาฯตรวจสอบ เพราะมองว่าการระบาดไม่มีทางยุติลงภายในปีนี้ และเชื่อว่ารัฐบาลจะใช้เงินกู้ไม่ทันปีงบประมาณแน่นอน
กก.เล่นแรงฉีก พ.ร.ก.กลางสภา
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ที่พรรคคัดค้าน พ.ร.ก.กู้เงินฉบับนี้ เหตุผลคือหมดแล้วซึ่งความไว้วางใจ คนใช้เงิน และคนกู้เงินอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ถ้าจำกันได้ตอนขอกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท พรรครัฐบาลด้วยกันเองยังลุกขึ้นอภิปรายว่าเป็นการแจกเงินที่คนด่าทั้งประเทศ แค่กู้มาแจกให้ทั่วหน้าทั่วถึงยังทำไม่ได้ ประชาชนรอการเยียวยาจนเยี่ยวราด ลงทะเบียนแล้วลงทะเบียนเล่ายังไม่ได้รับเงิน รอบนี้ทำหน้าซื่อตาใสขออีก 5 แสนล้านบาท มาตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ก็แค่เอาประชาชนเป็นตัวประกัน บอกถ้าไม่ให้ผ่านประชาชนจะไม่ได้เงิน ถ้าจริงใจบอกมาให้ชัดเลยว่ากู้ไปแล้วประชาชนจะกลับคืนสู่ภาวะปกติภายในกี่เดือน ฉีดวัคซีนเสร็จภายในกี่ปี มีวัคซีนให้เลือกเพิ่มอีกกี่ยี่ห้อ พ.ร.ก.นี้เป็นฉบับลับๆล่อๆ มีทางออกให้ 2 ทาง คือ 1.เอา พ.ร.ก.เฮงซวยฉบับนี้กลับไปแก้ไขใหม่ เปลี่ยนเป็น พ.ร.บ.งบประมาณกลางปี หรือ 2.เปลี่ยนคนกู้หรือคนใช้เงินและมีทางออกย่อยคือ ลาออกไป หรือยุบสภา แล้วเลือกตั้งใหม่ให้ไวที่สุด ให้ประชาชนตัดสินว่าใครจะมาเป็นผู้บริหารเงิน หลังนายณัฐชาอภิปรายได้ฉีกเอกสาร พ.ร.ก.เงินกู้ฯมีจำนวน 5 แผ่นทิ้งทันที
“สาทิตย์” แฉวัคซีนวีไอพีโค้ด “รุ่งเรือง”
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท มีการเยียวยาไปแล้วรวม 8 แสนล้านบาท ในยามวิกฤติถือว่าจำเป็น แต่ถามว่าจะเยียวยาไปสิ้นสุดตรงไหน ที่จะทำให้ประชาชนฟื้นตัวขึ้นมาได้ ต้องบอกประชาชนว่าเรานำไปเยียวยามีดอกเบี้ยต้องจ่าย ลูกหลานเราต้องรับใช้ในอนาคต มีบางโครงการ ต้องช่วยเหลือคนเดือดร้อน แต่สภาพัฒน์กลับอนุมัติล่าช้าไม่ทันการ เพราะยึดกฎระเบียบในช่วงวิกฤติ ทำไมเอาคนไม่เดือดร้อนมาแก้ปัญหาคนเดือดร้อน เมื่อต้องกู้อีก 5 แสนล้านบาทซึ่งเป็นหนี้ก้อนสุดท้ายก่อนชนเพดานหนี้ เราไม่เอาแล้วโครงการไร้คุณภาพ หรือเยียวยาด้วยการแจกอย่างเดียว อย่าเอาการเมืองมาบริหารวัคซีน หรือการเมืองนำการแพทย์ ต้องไม่มีโควตาพรรคการเมืองเอาคนรวยไปฉีดก่อนประชาชน จนมีข่าวกลุ่มวีไอพีไปฉีดโดยใช้โค้ด “รุ่งเรือง” หรือซื้อขายคิวฉีดวัคซีน อย่าเอาเรื่องวัคซีนไปสร้างฐานการเมือง และไม่จำเป็นต้องมีวัคซีนทางเลือก เพราะวัคซีนทางเลือกจะมีได้ก็ต่อเมื่อวัคซีนที่ให้ประชาชนเพียงพอแล้ว ถ้าวัคซีนปกติยังไม่พอแล้วมาสร้างวัคซีนทางเลือก เรากำลังสร้างเรื่องชนชั้น ความเหลื่อมล้ำและอภิสิทธิ์ชน
ภท.เย้ยกู้หน้านายกฯก่อนกู้เงิน
นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า สิ่งที่คาดหวังจะได้เห็นจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท คือจะไม่ซ้ำรอยกับการออก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ต้องไม่เยียวยาแบบเดิมที่ใช้เงินไป 7 แสนล้านบาท ถ้าการเยียวยาได้ผลจริงวันนี้คงไม่ต้องมากู้เงินอีก วิธีแก้ปัญหาต้องไม่ใช่การแจกเงิน แต่ต้องสร้างงาน เปลี่ยนจากการเสกเงินเป็นเสกงาน สร้างอาชีพ การกู้เงินรอบที่แล้วมีงบฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 4 แสนล้านบาท แต่กลับถูกโอนไปใช้ในการเยียวยา เหลือเงินฟื้นฟูแค่ 2.5 แสนล้านบาท และยังถูกเอาไปใช้ในโครงการคนละครึ่งอีก 2 แสนล้านบาท เบ็ดเสร็จเหลือเงินฟื้นฟูไม่ถึง 5 หมื่นล้านบาท ขอบอกว่า รมว.คลังและสภาพัฒน์ว่า การกู้เงินในนาทีนี้ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด สิ่งสำคัญกว่าคือต้องกู้หน้านายกฯและรัฐบาล ต้องกู้ความเชื่อมั่น ถ้ากู้ความเชื่อมั่นกลับมาไม่ได้ ต่อให้กู้เงินอีกเท่าไรก็แก้ปัญหาไม่ได้
บลัฟนักการเมืองกลัวเสียแต้ม
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พ.ร.ก.ฉบับนี้จะช่วยเหลือประชาชนทุกสาขาอาชีพกว่า 3 แสนล้านบาท อาจทำให้นักการเมืองบางคนเป็นห่วงว่าคะแนนเสียงจะลดลง ขออย่าเอาการเมืองมาเกี่ยว ยืนยันว่าทั้ง พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท รวมกับ พ.ร.บ.รายจ่ายประจำปี 2565 เพดานหนี้ยังไม่เกินร้อยละ 60 ถือว่าต่ำมากหากเทียบกับบางประเทศ รัฐบาลยังควบคุมได้ หากรอ พ.ร.บ.งบฯประชาชนรอไม่ได้ ส.ส.ไม่รู้ หรือแกล้งไม่รู้ว่าถ้าไม่มี พ.ร.ก.เงินกู้มาประชาชนจะอยู่อย่างไร และขอให้นายกรัฐมนตรีแม้จะมีเสียงวิพากษ์ วิจารณ์จากนักการเมือง ขอให้นายกฯตระหนักว่า ประชาชนส่งกำลังใจ มีความหวังที่จะได้รับความช่วยเหลือจากนายกฯ ขอให้นายกฯไม่ต้องกลัวใคร คนดีทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ ขอให้ ส.ส.ช่วยกันเห็นชอบ พ.ร.ก.เงินกู้ฉบับนี้
“เดียร์” กะซวก สธ.ไม่รู้จักวางแผน
น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่า ตรวจสอบข้อมูลเมื่อวันที่ 5 พ.ค.2564 จากกรมบัญชีกลาง มีการใช้จ่ายเงินด้านสาธารณสุขจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทไปแล้ว 2.5 หมื่นล้านบาท จาก 4.5 หมื่นล้าน หรือร้อยละ 57 ถึงวันที่ 8 มิ.ย. เหลือเงินอยู่แค่ 236 ล้านบาท หรืออนุมัติเงินไปแล้วร้อยละ 99 คำถามคือที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขเตรียมความพร้อมให้คนไทยอย่างไร ที่ใช้เงินไปแค่ร้อยละ 57 แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ระบาดระลอกสามกลับมีโครงการขออนุมัติถึง 1.9 หมื่นล้านบาท แสดงให้เห็นถึงการใช้งบล่าช้าแล้วมาเร่งเอาภายหลัง ไม่มีการวางแผนประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบ หวังว่า พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทนี้ ที่จัดสรรให้ด้านสาธารณสุข 3 หมื่นล้านบาท จะวางแผนทำงานอย่างรอบคอบ
เคลียร์วุ่นองค์ประชุมหวิดล่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายมาถึงช่วงเย็น ส.ส.เริ่มอยู่ในห้องประชุมบางตา ทำให้นายพิเชษฐ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เสนอนับองค์ประชุม ทำให้นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ต้องรีบไกล่เกลี่ยว่าป้องกันโควิด แต่นายพิเชษฐยังยืนยันให้นับองค์ประชุม นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ พยายามขอร้องไม่ให้นับองค์ประชุม เพราะบรรยากาศการอภิปรายดำเนินมาด้วยดีตั้งแต่เช้า หากฝ่ายค้านมีอะไรไม่พอใจขอให้มาคุยกันในวิปทั้งสองฝ่ายก่อน ในที่สุดนายศุภชัยตัดสินใจให้พักประชุม 10 นาที เพื่อให้วิปสองฝ่ายไปพูดคุยทำความเข้าใจกัน หลังกลับมาประชุมกันอีกครั้งนายอรรถกรชี้แจงว่า วิปสองฝ่ายได้ทำความเข้าใจกันด้วยดี และนายพิเชษฐก็ไม่ติดใจให้นับองค์ประชุมแล้ว ขณะที่นายพิเชษฐยอมถอนการขอนับองค์ประชุม ทำให้การประชุมเดินต่อไปได้
นายกฯเข้าฟังประชุมตามคำท้า
กระทั่งเวลา 18.30 น. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เข้ามาฟังการอภิปรายในห้องประชุมว่า เดินทางมาถึงอาคารรัฐสภาแล้ว แต่ไม่เข้ามานั่งฟังสมาชิก จะหลบข้างหลังอีกนานแค่ไหน พร้อมกับเสนอขอนับองค์ประชุม ทำให้นายศุภชัยที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม บอกให้ใจเย็นๆ รออีกหน่อย เรื่องใหญ่ขนาดนี้นายกฯ มีความรับผิดชอบ ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์จึงเดินเข้ามานั่งฟังการอภิปรายในห้องประชุม
สวนไม่โง่ก่อหนี้จนทะลุเพดาน
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงว่า ยืนยันให้ความสำคัญกับระบบรัฐสภา ให้เกียรติทุกคน แต่การใช้คำพูดและวาจา ทั้งการฉีกกระดาษสมควรเกิดหรือไม่ เรื่องการบริหารจัดการเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท พยายามเร่งเบิกจ่ายเต็มที่ ถ้าทบทวนบอกช้า ไม่ทบทวนบอกทุจริต โชคดีที่สภามีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ถ้าพูดข้างนอกมีปัญหาแน่ ใครพูดข้างนอกระวังตัวไว้แล้วกัน ขณะที่เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ไม่ได้กู้ทีเดียวเป็นการทยอยกู้ และไม่โง่กู้เกินกรอบร้อยละ 60 เรื่องหนี้สาธารณะอย่าทำให้ประชาชนตื่นตระหนก เข้ามาปี 2557 มีหนี้สาธารณะร้อยละ 46 แม้จะทำให้เพิ่มขึ้นมา 10 กว่า% แต่ก็เกิดเม็ดงานขึ้นมาเท่าใด เอาผลงานมาเทียบกันเลย
ถามลั่นมาไล่ตอนนี้มันใช่เหรอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการชี้แจงของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงสไตล์เดิมใช้คำพูดดุเดือดตอบโต้กับฝ่ายค้าน จนนายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ประท้วงขอให้ประธานฯตักเตือนนายกฯ ที่ใช้กิริยาวาจาไม่ให้เกียรติข่มขู่ ส.ส. แต่ พล.อ.ประยุทธ์ยังชี้แจงต่อว่า อะไรที่พูดไม่ดีก็ขอโทษ ถ้าอยากให้คนอื่นให้เกียรติ ต้องให้เกียรติตนบ้าง ตอนเช้าไล่อย่างกับหมูหมา ส่วนเรื่องวัคซีนยืนยันทุกจังหวัดต้องได้ แต่จะมากน้อยว่ากันไป เป็นอำนาจผู้ว่าฯ บางครั้งไม่พอต้องรอนิดนึง อย่าเอาวัคซีนเป็นการเมือง ไม่เคยเอาชีวิตคนมาเป็นของเล่น ไล่ตนให้ออกไป มันใช่เวทีไหม เมื่อสักครู่ก็มีการไปแถลงข่าวเอาผู้ต้องหามาแถลงสู้คดีที่สภา มันอะไรเกิดขึ้นในประเทศไทย
“ชินวรณ์” ยันส่งร่างแก้ รธน.ทัน
ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงความคืบหน้ายื่นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ร่างทั้ง 6 ฉบับของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา เสร็จแล้ว ถึงอย่างไรต้องยื่นร่างต่อประธานรัฐสภาให้ทันก่อนบรรจุเป็นระเบียบวาระประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 29 มิ.ย.แน่นอน
ไทยไม่ทนจี้ฝ่ายค้านรื้อกระดาน
ช่วงสายที่บริเวณทางเข้ารัฐสภา กลุ่มไทยไม่ทนสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย นำโดยนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานญาติวีรชนพฤษภา 35 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. และนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ยื่นหนังสือต่อนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน เรียกร้องให้ฝ่ายค้านลาออกจาก ส.ส. นายวีระกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ล้มเหลวทุกด้าน อวดเก่ง ตระบัดสัตย์ พาประเทศวิบัติล่มจม ยิ่งให้บริหารต่อความพินาศยิ่งทวีขึ้น หากฝ่ายค้านไม่สามารถตรวจสอบเผด็จการกบฏที่ทำงานไม่เป็น หยุด พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท และ พ.ร.บ.งบฯไม่ได้ ฝ่ายค้านควรลาออกมาอยู่กับฝ่ายประชาชนให้หมด
“สุทิน” หวั่นปิ้งปลาประชดแมว
นายสุทินกล่าวว่า เข้าใจเจตนาและความ ปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมืองของกลุ่มไทยไม่ทน ยอมรับว่า 2 ปีที่ผ่านมา ฝ่ายค้านไม่สามารถหยุดยั้งถ่วงดุลวิถีทางรัฐบาลที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยได้ การตรวจสอบไปจบที่กระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระ หลายครั้งเราท้อแท้ ใช้เสียงข้างมากลากไปไม่จบบนหลักเหตุผล ไม่คำนึงถึงประชาชน มาตรการให้ฝ่ายค้านลาออกจากระบบรัฐสภามีเหตุผล ถ้าทำแล้วรัฐบาลเปลี่ยนความคิดหันมาคำนึงถึงประชาชน เรายินดีลงทุนลาออก แต่ลาออกแล้วรัฐบาลไม่แยแสไม่สนใจ จะเหมือนปิ้งปลาให้แมวหรือไม่
บี้ ส.ว.เปิดทางนายกฯทางเลือก
ด้านนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา ที่ปรึกษากลุ่มประชาชนคนไทย เข้ายื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อส่งให้ ส.ว.พิจารณา เสียสละลาออก นายนิติธรกล่าวว่า ทางกลุ่มเห็นว่า ส.ว.ชุดสานอำนาจของ คสช. ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคำบงการ เสียสละลาออก รวมถึงผู้อยู่ในบัญชีสำรอง ส.ว.ให้ถอนตัว เพื่อให้รัฐสภาเลือกนายกฯคนใหม่นอกบัญชีพรรคการเมืองมาทำหน้าที่ผู้นำรัฐบาล สร้างชาติ แก้ไขรัฐธรรมนูญ สร้างมิติใหม่ทางการเมืองภายในวันที่ 24 มิ.ย.นี้
ที่มา:thairath