หากพูดถึงกีฬายูยิตสู ชื่อของ “ฟร้อง” สุวิจักขณ์ ขุนทอง หนุ่มวัย 21 ปี ถือเป็นหนึ่งในกำลังหลักและขาประจำของทีมชาติไทยในเวลานี้ไปแล้ว เจ้าตัวพิสูจน์ฝีมือด้วยการกวาดแชมป์ในประเทศ รวมถึงการแข่งขันในระดับนานาชาติมาอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2019 ได้เหรียญเงิน กีฬาซีเกมส์ ที่ฟิลิปปินส์ ก่อนมาได้เหรียญเงินชิงแชมป์โลก 2021 ในรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี 2021 คว้าแชมป์เอเชีย ปี 2022 ก่อนจะมาแก้มือ ได้เหรียญทอง ซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่เวียดนาม เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
ในศึก “ฮานอยเกมส์” เจ้าตัวได้รับเกียรติสูงสุดให้ทำหน้าที่ถือธงไตรรงค์ นำขบวนนักกีฬาไทยเข้าสู่พิธีเปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ โดยปัจจุบันเจ้าตัวเป็นหนึ่งในนักกีฬายูยิตสูที่มีฝีมืออยู่ในระดับแถวหน้าของโลกและทวีป ในรุ่น 62 กก.ชาย และอันดับที่ 7 ของโลก ณ เวลานี้ กว่าจะก้าวมาเป็นนักสู้กีฬายูยิตสูได้เช่นวันนี้ ชีวิตของ “ฟร้อง” ต้องฝ่าฟันปัญหาและด่านทดสอบชีวิตที่ท้าทายสุดๆมา
“ฟร้อง” เปิดใจกับทีมข่าวสยามกีฬาว่า ชีวิตตอนเด็กลำบากมากๆ เรียกว่ายากจนเลยก็ได้ ตนอาศัยอยู่กับยาย ช่วงวัยประถมศึกษา มีช่วงที่ลำบากมากที่สุด ถึงขั้นต้องย้ายไปอยู่บ้านเล็กๆเก่าๆหลังหนึ่งในป่า เพราะไม่มีเงินจะซื้อข้าวกิน ก็อาศัยเก็บของในป่ากิน หาหน่อไม้ในป่า ตกปลาในบ่อกิน ประทังชีวิต “ตอนเด็กๆ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลยครับ มองว่าสนุกกับการที่ต้องออกไปหาของป่า ออกไปหาปลา เพื่อเอามาเป็นอาหารในแต่ละมื้อ ช่วงนั้นก็มีช่วยคุณยายหาเงิน ด้วยการรับจ้างทำไร่ ทำสวน ก็พอมีเงินติดตัว แต่แต่ก็ไม่ได้มากอะไร ผมคิดแค่ว่าสมัยนั้น เรามีแบงค์ 20 ห้าใบติดกระเป๋า ก็เหมือนมีเงินเป็นพันๆบาทแล้ว”
ยูยิตสูหนุ่ม ยังเผยอีกว่า ตนใช้ชีวิตในวัฎจักรแบบนี้อยู่ประมาณ 2-3 ปี ก่อนที่คุณยายจะตัดสินใจ ขายที่ที่นครสวรรค์ และพาตนเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ในช่วงปี 2554 ซึ่งเหตุผลที่ต้องย้ายเข้ามา ส่วนหนึ่งก็เพราะหนีน้ำท่วมใหญ่ในเวลานั้นด้วย
การโยกย้ายถิ่นฐานเข้ามาใช้ชีวิตในเมืองกรุงของ “ฟร้อง” นั้นไม่ง่าย เจ้าตัวและคุณยาย ต้องดิ้นรนอย่างหนัก โดยคุณยายใช้เงินก้อนสุดท้ายในชีวิตไปซื้อรถมอเตอร์ไซต์ เพื่อมาขับมอเตอร์ไซต์รับจ้าง หาเลี้ยงเจ้าตัวและส่งเจ้าตัวเรียนต่อ
“บ้านที่พักอยู่อาศัย เป็นห้องเช่าเล็กๆครับในชุมชนแออัด ด้วยสภาพแวดล้อม ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีเรื่องของยาเสพติดเกิดขึ้นด้วยครับ แต่ผมก็ไม่ได้เข้าไปข้องแต่อย่างใด คุณยายก็จะคอยสอนตลอด ให้เห็นโทษและความร้ายแรงของมัน”
“ฟร้อง” เผยอีกว่า ช่วงที่เข้าเรียนในระดับชั้นมัธยม ด้วยความที่ตนเองเป็นคนตัวเล็ก เลยมักจะโดนแกล้งอยู่บ่อยๆ ความคิดตอนนั้นก็เลยอยากจะเรียนวิชาต่อสู้เอาไว้ป้องกันตัว ก็เลยจะไปเรียนมวย แต่สุดท้ายไม่ได้ต่อย ก็เลยไปที่โรงยิมเนเซียมในกองทัพอากาศ ซึ่งอยู่ใกล้ๆบ้าน
“บังเอิญผมไปเจอเพื่อนสมัยที่เรียนอยู่ชั้นประถมพอดีครับ คนนี้เคยชวนผมมาเล่นกีฬายูยิตสูตอนเด็กๆ แต่ตอนนั้นไม่ได้สนใจ ซึ่งพอเจอเขาอีกครั้ง ก็มองว่า ไม่มีอะไรน่าเสียหาย ก็เลยเลยลองเล่น ลองเข้าไปซ้อมตั้งแต่ตอนนั้นเลย และก็ฝึกจนได้เป็นนักกีฬาเข้าไปแข่งขันในระดับจังหวัดและระดับประเทศ”
“จำได้ว่าแมตช์แรกที่แข่งขันในกีฬากองทัพอากาศ ได้เหรียญทองเลยครับ ก็ดีใจและภูมิใจมากๆ ก็เลยยิ่งตั้งใจฝึกซ้อมอีก จนขึ้น ม.3 ผมได้มีโอกาสให้เข้ามาเป็นคู่ซ้อมของนักกีฬาทีมชาติ ก็ทำหน้าที่นี้อยู่ประมาณ 1 ปีได้ พอทีมชาติเปิดคัดตัว ก็เลยลองไปคัดตัว ก่อนจะคัดติดทีมชาติ และได้เป็นนักกีฬาทีมชาติตั้งแต่ตอนนั้น เรื่อยมาจนถึงตอนนี้”
นักยูยิตสูหนุ่มวัยย่าง 22 ปี เผยอีกว่า ตนมารู้ความจริงที่เรื่องที่น่าตกใจอีกเรื่อง ตอนแข่งกีฬาเยาวนแห่งชาติ เมื่อปี 2559 ที่สุพรรณบุรี ว่าตนเองป่วยหัวใจทำงานผิดปกติ ซึ่งภายหลังได้ตรวจก็พบว่าเป็นอาการหัวใจรั่ว
“ถามว่ามีผลกับการแข่งขันหรือซ้อมไหม ก็มีบ้างครับ ช่วงแรกที่ซ้อม ตอนเป็นนักกีฬา ก็รู้สึกได้ชัดอยู่ว่า เหมือนเวลาเราเหนื่อย ร่างกายจะฟื้นตัวช้ากว่าเพื่อนๆคนอื่น ก็คือตั้งแต่รู้ตัวว่า ตัวเองป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว ก็พยายามดูแลตัวเองตลอด จนตอนนี้ร่างกายเริ่มดีขึ้นมาก จนเกือบปกตเหมือนเพื่อนในทีมชาติแล้ว”
สุวิจักขณ์ เผยอีกว่า การได้เล่นกีฬายูยิตสู จนได้รับโอกาสให้ก้าวมาเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย ช่วยพลิกโฉมชีวิตของตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากชีวิตที่ลำบาก ตอนนี้มีโอกาสได้เข้าศึกษาในสถาบันที่ดี และมีงานทำ โดยเป็นข้าราชการในสังกัด รวมมีเงินเก็บมากในระดับหนึ่งที่จะหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้
ทั้งนี้ “ฟร้อง” ยังเผยทิ้งท้ายด้วยว่า ตั้งใจจะพัฒนาฝีมือและความสามารถของตนเองเพื่อเดินหน้าความฝันของตัวเองให้สำเร็จให้ได้ โดยเป้าหมายหลักๆ คือ การคว้าเหรียญทองใน 2 มหกรรมระดับใหญ่ อย่างศึก เอเชียนเกมส์ รวมถึงเวิล์ดเกมส์ ในกีฬายูยิตสูให้ได้
ประวัติส่วนตัว
ชื่อจริง : สุวิจักขณ์ ขุนทอง
ชื่อเล่น : ฟร้อง
เกิด : 9 ส.ค.2544
รุ่นแข่งขัน : 62 กก.ชาย
ปัจจุบันอาศัยอยู่ : กรุงเทพมหานคร
การศึกษา : กำลังศึกษาปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ม.เกษมบัณฑิต วิทยาเขตร่มเกล้า
นักกีฬาที่ชื่นชอบ : คาบิบ นูร์มาโกเมดอฟ (นักกีฬา MMA)
ผลงานที่ผ่านมา : เหรียญเงิน ซีเกมส์ ปี 2019, เหรียญเงิน ชิงแชมป์โลก 2021 รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี 2021, เหรียญทอง ชิงแชมป์เอเชีย ปี 2022, เหรียญทอง ซีเกมส์ ครั้งที่ 31
ขอบคุณข้อมูลจาก SIAM SPORT