“ตำรวจตรัง-กองปราบฯ” สนธิกำลังซ้อนแผนจับแก๊งโจร ส่ง จ.ม.ขู่เรียกค่าไถ่ “เสี่ยบ่อทราย” 1.5 ล้านบาท รวบตัวได้ 2 หนีรอดไป 1 เร่งล่าตัว

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ตรัง ภายใต้การนำของ พ.ต.อ.รัฐกร ภักดีวานิช ผกก.สส.ภ.จว.ตรัง และชุดสืบสวน สภ.เมืองตรัง สนธิกำลัง ตร.กก.6 บก.ป.6 กว่า 30 นาย ร่วมกันวางแผนเข้าปิดล้อมจับกุมผู้ต้องหา เรียกค่าคุ้มครองจาก นายชำนาญ ลีลาโกสิทธิ์ หรือโกสร้าง อายุ 50 ปี นักธุรกิจเจ้าของบ่อทราย โดยจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 2 ราย คือ นายสันตินนท์ ศรีจันทร์ อายุ 29 ปี ชาว จ.สงขลา และนายวีรวัฒน์ คงสุทรู้ อายุ 39 ปี ชาว จ.ตรัง และมีผู้ต้องหาอยู่ระหว่างการหลบหนีอีก 1 คน ทราบชื่อคือ นายจำลอง นกศรีแก้ว อายุ 61 ชาว จ.ตรัง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้กันตัว น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 35 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นภรรยาของ นายวีรวัฒน์ ผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการหลบหนีไว้เป็นพยาน

เหตุการณ์นี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายชำนาญ ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ช่วงคืนวันที่ 14 มิ.ย. ถึงช่วงเช้ามืดวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีคนร้ายนำซองกระดาษสีน้ำตาล ขนาดเท่ากระดาษ A4 ภายในบรรจุรูปถ่าย นายชำนาญ และจดหมายเรียกค่าคุ้มครอง พร้อมทั้งเครื่องกระสุนปืนไปเหน็บไว้ที่ประตูบ้านเลขที่ 85/8 หมู่ 10 ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง โดยมีเนื้อหาระบุว่า “ถึง นายชำนาญ และนางยี้ ภรรยา เป็นจดหมายจากกลุ่มผู้เรียกค่าคุ้มครอง (เทือกเขาบรรทัด) ให้นำเงินจำนวน 1.5 ล้านบาท ใส่ถุงดำและนำมาวางไว้ตามสถานที่และเวลาที่กำหนด ส่วนสถานที่จะแจ้งไปอีกครั้ง ห้ามบอกใคร หากตุกติกลูกเมียและครอบครัวจะมีความสูญเสียและความตายเกิดขึ้น และธุรกิจจะเสียหาย” ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะโทรศัพท์เข้ามาหา ภรรยานายชำนาญ โดยนัดรับเงินกันที่ริมถนนเขาจำปา ถนนเลี่ยงเมืองวงแหวนรอบนอก บริเวณทางเข้าสำนักสงฆ์ถ้ำเจ้าเกตุ หมู่ 6 ต.นาตาล่วง เขตรอยต่อ ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกประชุมวางแผนปิดล้อมพื้นที่และเส้นทาง ก่อนจะนำเงินปลอมจำนวน 1.5 ล้านบาท ที่เตรียมไว้เอาไว้ ให้ลูกชายนายชำนาญขับรถนำไปมอบให้กลุ่มคนร้ายตามจุดนัดพบ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจซ่อนตัวในรถติดตามไปด้วย เมื่อมาถึงจุดนัดหมาย นายสันตินนท์และนายวีรวัฒน์ (คนร้าย) ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ ทะเบียนตรัง เข้ามาในที่เกิดเหตุ จากนั้นจอดรถจักรยานยนต์ลงมาหยิบถุงเงินและยื่นให้ นายวีรวัฒน์ นำไปนับ ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกจู่โจมจับกุมตัวได้สำเร็จ ส่วน นายสันตินนท์ ไหวตัวทันขับรถจักรยานยนต์หลบหนี แต่ไปไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา ภายในบ้านพักเลขที่ 3/9 หมู่ 9 ต.บางกุ้ง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง พร้อมยึดของกลางอาวุธปืนขนาด 9 มม. พร้อมเครื่องกระสุน และนำตัว น.ส.ชุติมา ภรรยา นายวีรวัฒน์ มาให้การเป็นพยาน 

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ควบคุมตัว นายวีรวัฒน์ ไปชี้จุดเกิดเหตุและสถานที่ต่างๆ ที่ร่วมกันวางแผนในการก่อเหตุกว่า 3-4 จุด รวมทั้งร้านถ่ายเอกสารที่เข้าไปใช้บริการ และได้เข้าไปตรวจสอบภายในร้านคาราโอเกะของภรรยาน้อยนายวีรวัฒน์ ตรวจค้นพบอาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน วิทยุสื่อสาร โดยระหว่างนั้น นายวีรวัฒน์ ผู้ต้องหาได้ร้องขอเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อกอดร่ำลาภรรยาและสารภาพผิด จากนั้นควบคุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบสวน นายวีรวัฒน์ ให้การว่า ตนมีหนี้สินอยู่จำนวนกว่า 8 แสนบาท จึงวางแผนกับนายจำลอง ผู้ต้องหาอีกคนที่กำลังหลบหนีอยู่ เพื่อเรียกค่าคุ้มครองกับ นายชำนาญ เจ้าของธุรกิจดูดทราย เนื่องจาก นายจำลอง เคยเป็นอดีตลูกน้องของนายชำนาญ แต่ถูกไล่ออกมา จึงนัดวางแผนกันเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา และให้ภรรยาเป็นคนเขียนจดหมายเรียกค่าคุ้มครองดังกล่าว

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี เพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว และ พล.ต.ต.สันทัด วินสน ผบก.ภ.จว.ตรัง จะแถลงข่าวเพื่อสรุปคดีในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ ต่อไป

ที่มา thairath