14 ก.ค. 65 – ที่หน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม ถนนอุปราช ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดงานแห่เทียนพรรษาประจำปี 2565 ในชื่องาน “121 ปี ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา”
โดยขบวนเทียนแรกเป็นขบวนเทียนพรรษาพระราชทาน และผ้าอาบน้ำฝนพระราชทาน ซึ่งอัญเชิญมาเป็นมิ่งมงคลในการจัดงานประจำปีนี้ ก่อนจะนำไปทอดถวายแก่วัด
จากนั้น ตามด้วยขบวนฟ้อนรำ และขบวนต้นเทียนวัดผาสุการาม ขบวนเรือพนมพระจากจังหวัดสุราษฏร์ธานี ที่เข้าร่วมแสดงวัฒนธรรมของชาวใต้ในเทศกาลวันเข้าพรรษากับจังหวัดอุบลราชธานีเป็นประจำทุกปี และตามด้วยขบวนเทียนทั้งประเภทแกะสลัก ประเภทติดพิมพ์ และต้นเทียนโบราณไปรอบเมืองระยะทางยาวหลายกิโลเมตร
เพื่ออวดโชว์ความวิจิตรอลังการในฝีมือช่างทำต้นเทียนชาวอุบลราชธานี ที่สืบต่อกันมาหลายรุ่น และยังคงความเป็นอัตลักษณ์ในการจัดทำ เพื่อเล่าเรื่องราวพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า ในเทศกาลวันเข้าพรรษา ซึ่งไม่มีที่ใดสามารถเลียนแบบได้
ซึ่งปรากฏต่อสายตา อาคันตุกะที่ได้รับเชิญเข้าร่วมชมจากหลายประเทศ อาทิ อินเดีย ญี่ปุ่น เวียดนาม กัมพูชา และสปป.ลาว รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศที่เข้ามาร่วมงานจำนวนหลายหมื่นคนรอบบริเวณการจัดงาน ท่ามกลางสภาพอากาศที่เย็นสบาย
ซึ่งการจัดงานแห่เทียนพรรษาประจำปี 2565 นับเป็นการกลับมาจัดงานแบบเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก หลังได้หยุดการจัดงานไปนานถึง 2 ปี จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา แต่นักท่องเที่ยวที่มาร่วมชมงาน ยังสวมหน้ากากป้องกันตัวเอง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว โดยจังหวัดคาดว่าจะมีเงินไหลสะพัดจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท
สำหรับต้นเทียนพรรษาที่ตามคุ้มวัดจัดทำมีจำนวน 43 ต้น ซึ่งมีจำนวนลดลงกว่าทุกปี เพราะปัญหาด้านระยะเวลาในการจัดทำที่มีระยะเวลาสั้นเพียง 1 เดือนเศษจากปกติต้องใช้เวลาเกือบ 3 เดือน
รวมทั้งบางแห่งมีการลดขนาดต้นเทียนลงจากปัญหาสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวจากการระบาดของไวรัสโควิด 19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้วัสดุใช้จัดทำแพงขึ้นกว่าเดิมมากด้วย
ที่มา : khaosod