กรณี ส.ต.วัชระ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี พลสารวัตรทหาร มทบ.210 ค่ายพระยอดเมืองขวาง ถูกคนร้ายใช้อาวุธจ่อยิงกว่า 10 นัด เสียชีวิตคาป้อมยาม ขณะเข้าเวรปากทางเข้า-ออก หลังคนร้ายก่อเหตุได้ขับรถ จยย.หลบหนีไป ตร.เร่งระดมตามล่า ตร.รวบรวมพยานหลักฐานเสนอศาลทหารออกหมายจับ เหตุเกิดเวลา 17.47 น.วันที่ 18 ส.ค.65 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า วันที่ 20 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 19 ส.ค.65 พล.ต.สถาพร บุญชู ผบ.มทบ. 210 ค่ายพระยอดเมืองขวาง จ.นครพนม นำตัว ส.ท.มานิตย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี หรือ สห.วิทย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลมณฑลทหารบกที่ 24 อุดรธานี ในข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา เข้ามอบตัวแล้วที่ สภ.เมืองนครพนม
หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. จ่อยิง ส.ต.วัชระ อายุ 29 ปี หรือ สห.เกิ้ล เพื่อน สห.รุ่นน้อง เสียชีวิตคาป้อมยามหน้าปากประตูเข้า-ออกค่ายดังกล่าว ขณะเข้าเวรรักษาการ ก่อนขี่รถ จยย.ฮอนด้า หลบหนีไป กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่า และกดดันจากครอบครัวอย่างหนัก กระทั่งประสานผู้บังคับบัญชาเข้ามอบตัว
สอบสวน ส.ท.มานิตย์ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่า ก่อนเกิดเหตุมีปัญหาขัดแย้งส่วนตัวกับผู้ตาย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่การงานแต่อย่างใด เป็นปัญหาศักดิ์ศรี เนื่องจากผู้ตายไม่ให้ความเคารพตนในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ หลังจากที่ผ่านมาเคยสนิทสนมกันมาก่อน แต่ระยะหลังแค่มีปัญหาไม่พอใจกันส่วนตัว จึงสะสมความแค้นไว้ในใจมานาน
วันเกิดเหตุขณะขี่รถ จยย.จะกลับบ้านไปกินข้าวเย็นกับแม่ที่ อ.ปลาปาก พบเห็นผู้ตายยืนเข้าเวรอยู่ที่หน้าป้อมยามรักษาการขาเข้าพอดี ต่างฝ่ายต่างแสดงสีหน้าไม่พอใจกัน ด้วยความระหองระแหงแคงและคับแค้นใจกันมาก่อน ขณะนั้นด้วยความโมโหและอารมณ์ชั่ววูบ อีกทั้งยังพกอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุมาด้วย จึงชักปืนขนาด 9 ม.ม. กระหน่ำยิง ส.ต.วัชระ จนล้มฟุบนอนแน่นิ่ง พอตั้งสติได้จึงขับรถ จยย.ออกจากสถานที่ก่อเหตุอย่างไม่เร่งรีบ ยอมรับว่าก่อนลงมือได้ดื่มเบียร์ 2 กระป๋อง
หลังหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในป่าท้ายหมู่บ้าน บ.โพนสวาง ต.นามะเขือ แต่ด้วยความเป็นห่วงแม่ซึ่งพิการขาลีบสายตาพร่างมัว จึงติดต่อผู้บังคับบัญชาขอเข้ามอบตัว อีกทั้งสำนึกผิดแล้วว่าหากเข้ามอบตัวโทษหนักอาจจะเบา เพื่อรับโทษทัณฑ์ที่ก่อเหตุลงไป
ขณะเข้ามอบตัว พ.ต.อ.ณัฏฐวิชฌ์ ราชแก้ว ผกก.สภ.เมืองนครพนม พร้อมทีมพนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร นำตัว ส.ท.มานิตย์ ผู้ต้องไปสอบสวนในทันที เบื้องต้นยอมรับว่าก่อเหตุดังกล่าวจริง จึงคุมตัวส่งเข้าห้องขัง เพื่อรอสอบสวนเพิ่มเติมในช่วงเช้า ต่อจากนั้นจะนำตัวส่งไปที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 24 อุดรธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ แม่ผู้ต้องหา กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่รู้เลยว่าลูกชายทำผิดอะไรมา เนื่องจากยังไม่มีใครบอก รู้แค่ว่าเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 18 ส.ค.65 ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบมาตามหาตัว
ปกติหากวันไหนลูกชายไม่ได้เข้าเวร มักจะเดินทางกลับบ้านมาดูแลซื้อกับข้าวให้ เพราะเป็นเสาหลักครอบครัวหลังจากพ่อเสียชีวิตมานานกว่า 10 ปี ตนมีลูกเพียงสองคน สห.วิทย์ ซึ่งเป็นลูกชายคนโต ปกติเป็นคนเงียบและตั้งใจทำงาน ภาคภูมิใจที่ลูกได้รับราชการ หลังจากไปเป็นพลทหาร จนสอบเลื่อนชั้นได้เป็นทหารนายสิบ เข้ารับราชการเป็นสารวัตรทหารได้ 6-7 ปี
ตอนนี้มีคนมาบอกว่าลูกชายทำผิดกฎหมายจริง ตนยังไม่เชื่อ เพราะไม่มีใครเล่าให้ฟัง แต่เมื่อทราบข่าวว่าลูกถูกตำรวจจับกุมแล้ว สุดท้ายต้องยอมรับความจริงที่ผิดลงไป ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ตนมีโรคขาอ่อนแรงและตาพร่ามัว ลูกชายคนโตถูกจับแล้วจะต้องอยู่ตามลำพัง
ส่วนลูกชายคนเล็กทำงานต่างจังหวัด เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจน บ้านที่อยู่อาศัยปัจจุบัน ก็ได้รับมอบจากโครงการมอบบ้านพักคนยากจน ของกองทัพบกเพื่อประชาชน สร้างถวายเป็นพระราชกุศลในหลวง รัชกาลที่ 9 เมื่อปี 2555 ช่วงที่ลูกชายเป็นพลทหาร และได้รับคัดเลือกเพราะยากจน ซึ่งขณะนั้นลูกมีความประพฤติเรียบร้อย
ด้าน นายมานิต ศรีทองทา วัย 56 ปี ผู้ใหญ่บ้าน เผยว่า ส.ท.มานิตย์ มือปืนรายนี้ พบเห็นมาตั้งแต่เด็ก เป็นครอบครัวที่น่าสงสารและยากจนข้นแค้น พ่อเสียชีวิตแต่ยังเด็กมีน้องอีก 1 คน ช่วงนั้นต้องเป็นเสาหลักดูแลพ่อแม่ จึงเข้าเป็นพลทหารและสอบเลื่อนตำแหน่งรับราชการเป็นสารวัตรทหาร นิสัยไม่ก้าวร้าวยังเป็นลูกกตัญญูที่ดูแลแม่ ท้ายที่สุดไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ลูกผู้ชายเมื่อทำผิดแล้วต้องมารับโทษจากหนักจะได้เป็นเบา
ทั้งนี้ พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้ภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิด ส่วนปลอกกระสุนปืน ตรวจสอบเบื้องต้นพบปลอกกระสุนขนาด 9 ม.ม.ตกในที่เกิดเหตุ 19 นัด แต่ยังไม่ทราบขนาดอาวุธปืน เชื่อว่าเป็นปืนแบบออโตเมติก และอาจมีการเพิ่มขนาดแม็กกาซีน บรรจุกระสุนยิงจนหมดแม็ก
ที่มา – ข่าวสด