พ.ร.บ.พืชกระท่อม มีผลบังคับใช้แล้ว ห้ามขายเด็กต่ำ 18 หญิงมีครรภ์ หรือให้นมบุตร พร้อมกำหนดสถานที่ห้ามขาย สถานศึกษา หอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก ฝ่าฝืนโทษปรับสูง 5 หมื่น

วันที่ 27 ส.ค. 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ โดยกฎหมายให้นิยามใบกระท่อม หมายความถึง ใบของพืชกระท่อม และให้รวมถึงน้ำต้มใบของพืชกระท่อมและสารสกัดท่ีได้จากใบของพืชกระท่อม สาระของกฎหมายครอบคลุม การขออนุญาต การนำเข้าส่งออกใบกระท่อม การพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาต การคุ้มครองบุคคล ซึ่งอาจไดร้บอันตรายจากการบริโภคใบกระท่อม และการป้องกันการใช้ใบกระท่อมในทางที่ผิด บทกำหนดโทษ จึงขอให้ประชาชนศึกษากฎหมายให้ดี เพื่อการใช้พืชกระท่อมให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ตัวอย่าง บางมาตรา ในพระราชบัญญัติ มีดังนี้

มาตรา 3 การใช้ใบกระท่อมเป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์สมุนไพร ตามกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์สมุนไพรยาตามกฎหมายว่าด้วยยา อาหารตามกฎหมายว่าด้วยอาหาร เครื่องสำอางตามกฎหมายว่าด้วยเครื่องสาอาง หรือผลิตภัณฑ์อื่นใดตามท่ีมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติไว้ รวมถึงการนำเข้า การส่งออก การขาย และการโฆษณา ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ว่าด้วยการน้ัน เว้นแต่กรณีที่บัญญัติไว้ในหมวด 5 การคุ้มครองบุคคลซึ่งอาจได้รับอันตรายจาก การบริโภคใบกระท่อมและการป้องกันการใช้ใบกระท่อมในทางที่ผิด

มาตรา 10 ผู้ใดประสงค์จะนำเข้าหรือส่งออกใบกระท่อมต้องได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต ซึ่งหมายถึง เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือผู้ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมอบหมาย

มาตรา 24 ห้ามผู้ใดขายใบกระท่อมหรืออาหารตามกฎหมายว่าด้วยอาหารที่มีใบกระทอ่ม เป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบแก่บุคคล ดังต่อไปนี้ 1) บุคคลซึ่งมีอายุต่ากว่าสิบแปดปี
2) สตรีมีครรภ์
3) สตรีให้นมบุตร
4) บุคคลอื่นใดตามท่ีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขร่วมกันประกาศกำหนด

มาตรา 25 ห้ามผู้ใดขายใบกระท่อมในสถานท่ี โดยวิธีการ หรือในลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
1) สถานศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ
2) หอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก
3) สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก
4) ขายโดยใช้เครื่องขาย
5) ขายในสถานที่โดยวิธีการ หรือในลักษณะอื่นใดตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุตธิรรมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขร่วมกันประกาศกาหนด

มาตรา 26 ห้ามผู้ใดโฆษณาหรือทำการสื่อสารการตลาดใบกระท่อม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจูงใจสาธารณชนให้บริโภคใบกระท่อมท่ีปรุงหรือผสมกับยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์ ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ยาตามกฎหมายว่าด้วยยา วัตถุอันตรายตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย หรือวัตถุอื่นใดตามที่กาหนดไว้ในมาตรา 27

มาตรา 33 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 24 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามหมื่นบาท

มาตรา 34 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 25 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท

นางสาวรัชดา กล่าวต่อว่า กฎหมายยังกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนประชาชนในการเพาะปลูก หรือแปรรูปพืชกระท่อม เพื่อใช้ตามวิถีชุมชน และในการพัฒนาให้เป็นพืชที่มีมูลค่าในทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาท้ังการเพาะปลูกและแปรรูป หรือการพัฒนาสายพันธ์ุของพืชกระท่อม การผลิต การจัดการ และการตลาดด้วย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้พืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจ ผลักดันให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการใช้พืชกระท่อมในทางการแพทย์ และสร้างรายได้แก่เกษตรกร ขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ทำการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและขยายกระท่อมพันธุ์ดี แจกจ่ายแก่เกษตรกรหลายแสนต้นไปแล้ว เพื่อให้ปลูกเป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านในครัวเรือน และสามารถนำไปพัฒนาอาชีพเป็นพืชทางเลือกในอนาคต

“ขอให้ประชาชนศึกษากฎหมายเพื่อให้การใช้พืชกระท่อมเกิดประโยชน์สูงสุดทั้งทางการแพทย์และทางเศรษฐกิจ โดยไม่เสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย” นางสาวรัชดา กล่าว

ที่มา thairath