พล.อ.ประวิตร ลุย มีนบุรี หนองจอก พร้อมผู้ว่าฯ กทม. สั่งเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง ระดมทุกหน่วยร่วมมือกรุงเทพมหานครเร่งช่วยปชช. ให้ทุกหน่วยซ้อมแผนเผชิญเหตุ รับร่องมรสุมระลอกใหม่

วันที่ 14 ก.ย. 2565 เวลา 14.00 น. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม รวมถึงการป้องกันและแก้ไขปัญหาในเขตกรุงเทพมหานคร ณ พื้นที่เขตหนองจอก และเขตมีนบุรี ร่วมกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยจุดแรกได้เดินทางไปยังประตูระบายน้ำคลองแสนแสบ มีนบุรี เขตมีนบุรี โดยรับฟังบรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำภายในคันกั้นน้ำพระราชดำริ และโครงการก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียมีนบุรี ระยะ 1 และระยะ 2 จากผู้แทนกรุงเทพมหานคร ก่อนเดินทางต่อไปยังประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำหนองจอก เขตหนองจอก เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปเรื่องการระบายน้ำพื้นที่นอกคันกั้นน้ำพระราชดำริ และพื้นที่รอยต่อ จ.ฉะเชิงเทรา โดยผู้แทนกรมชลประทาน หลังจากนั้น คณะได้เดินทางไปยังวัดวิบูลย์ธรรมาราม เขตหนองจอก เพื่อแจกถุงยังชีพช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม

บิ๊กป้อม จับมือ ชัชชาติ ดูระบายน้ำมีนบุรี-หนองจอก สั่งทุกฝ่ายร่วมมือช่วยกทม.

พลเอกประวิตร กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้เกิดน้ำท่วมขัง และส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยได้สั่งการกรุงเทพมหานคร หน่วยทหาร รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยในส่วนของการบริหารจัดการมวลน้ำได้มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กอนช. ประสานกับกรุงเทพมหานคร ในการอำนวยการ กำกับ ติดตาม และประสานงานเพื่อลดปัญหาอุปสรรค หรือการขอสนับสนุนกำลังคน เครื่องจักร เครื่องมือต่างๆ ที่ยังเป็นข้อจำกัดของกรุงเทพมหานคร ให้เพียงพอในการสูบน้ำ ระบายน้ำ เพื่อประจำจุดเสี่ยงน้ำท่วมขังจากสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่อย่างต่อเนื่องเกินศักยภาพที่คลองและแม่น้ำจะรับได้

ด้าน ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงวันที่ 15-19 ก.ย. 65 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ดังนั้น ช่วงเวลาดังกล่าว รองนายกฯ ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเตรียมซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ การช่วยเหลือประชาชน และการบริหารจัดการน้ำ เพื่อรับมือสถานการณ์ฝนที่จะมาเพิ่มอีกระลอกให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด.

ที่มา thairath