เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ในการประชุมวุฒิสภา มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม พิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท ที่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไปแล้วเมื่อสัปดาห์ ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้ารับฟังการพิจารณาของ ส.ว.ด้วยประมาณ 1 ชั่วโมง
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า เมื่อเช้าติดภารกิจในการแก้ปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือน ซึ่งมีออกมาแล้วว่าจะแก้กันอย่างไร นี่คือสิ่งที่รัฐบาลต้องทำควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาโควิด-19 เพราะวันนี้คือคนเราเป็นหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น ก็ต้องย้อนกลับไปดูว่าก่อนหน้าที่ตนเข้ามาในปี 2557 เท่าไหร่ วันนี้เพิ่มอีกเท่าไหร่ อาจจะเกิดผลกระทบจากโควิด เราก็ต้องแก้ปัญหาในทุกมิติ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เกิดผลกระทบทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยเชนกัน ก่อนหน้านั้นก็มีปัญหาเรื่องการค้าของประเทศมหาอำนาจ ซึ่งท่านก็รู้ดีนี่ไม่ใช่ข้อแก้ตัว แต่เป็นสิ่งที่รัฐบาลพยายามประคับประคองมาตลอด วันนี้จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว โดยการตรา พ.ร.ก.ให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา ผลกระทบจากโควิด การเยียวยา ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม การแพร่ระบาดในระยะแรกเราทำมาได้แต่ จนแพร่ระบาดในระยะที่สองและระยะที่สาม ก็เช่นเดียวกันหลายประเทศก็มีปัญหา ที่สถานการณ์ยังไม่นิ่ง อย่างที่ทุกคนต้องการ แต่เราคาดการณ์ว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยปี 64 ขยายตัวได้ 1.5-2.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งที่ผ่านมาติดลบมาตลอด จะเห็นว่าดีขึ้นในไตรมาส 1 ไตรมาส 2 การส่งออกดีขึ้น ก็ต้องทำให้ได้ ถ้าเรามุ่งแต่ใช้เงินอย่างเดียวก็ไปไม่ได้ เพราะเป็นเรื่อที่ต้องดูแลเศรษฐกิจทุกระดับ ลั่นกม.มีผลยังไม่ได้กู้ซักบาท
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยืนยันว่างบสาธารณสุขถ้าไม่พอก็จ่ายเติมให้อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องวัคซีน ยืนยันว่ามีจ่ายแน่นอน แต่อย่าลืมว่าถ้าจ่ายวัคซีนมาก อย่างอื่นก็ต้องลดลง เพราะงบประมาณมีเท่านี้ ดังนั้น งบประมาณปี 2565 เมื่อได้รับเงินไปแล้วก็อยู่ที่การบริหาร ถ้าไม่พอกระทรวงก็ต้องปรับงบประมาณของตัวเองเพื่อเสริมเรื่องแก้ปัญหาโควิด แต่ก็ต้องมีงบลงทุน เพิ่มขีดความสามารถ เรื่องเหล่านี้เราไม่ทำไม่ได้ เราจะอยู่กับโควิดตลอดไปหรืออย่างไร และ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท จะมีผลบังคับใช้แล้วแต่ยังไม่ได้กู้เงินสักบาทเลย ทั้งนี้ มีมาตรการทุกอย่างที่ต้องแก้ไข และไม่จำเป็นก็ไม่รู้จะกู้ไปทำไม ขอให้ความเป็นธรรมกับตนบ้าง
นายกฯกล่าวว่า วันนี้มีปัญหามากคือการเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 เข้าสภา ในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เคยตัดยอดไป แล้วไปทำโครงการใหม่ขึ้นมา ขอถามว่าวันนี้ทำได้หรือไม่ กฎหมายออกมาแล้วว่าทำไม่ได้ ทั้งหมดที่ตัดทอนไปต้องกลับมาสู่ฝ่ายบริหารใหม่ นี่คือสิ่งที่เป็นปัญหาที่ทุกคนไม่ค่อยพอใจ หลายคนบอกว่ารัฐบาลเป็นเทคโนแครต ข้าราชการทำให้ท่านต้องไปติดคุก ถ้าเข้าไปครอบงำมากๆ ก็ติดคุกหมด คดีก็มีเยอะแยะ ขอถามว่าใครจะทำถ้าข้าราชการไม่ทำ ท่านต้องให้กำลังใจเขาบ้าง ตนเข้ามาหลายปีให้กำลังใจข้าราชการทำงาน แต่ไม่รับผิดชอบถ้าโกง ก็ขึ้นศาลไป
“การเยียวยาทุกอย่างก็ให้จนจะกลายเป็นรายจายประจำไปแล้ว บางอันไปอยู่ในงบกลาง เพราะบริหารในภาพรวมไม่ใช่ว่าผมไปยึดอำนาจ ผมไม่อยากยึดอำนาจมาหรอก ผมบอกให้จริงๆ หลายคนบอกว่าผมรวบอำนาจ เพื่อสั่งการเอง ผมจะบ้าหรือ ผมต้องการจะปลดล็อกให้เขา เพราะทุกกระทรวงมีกฎหมายของตัวเองทั้งสิ้น ผมจึงต้องแก้ปัญหาให้เขา ไม่ได้แก้ตัวอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ต้องการเล่าให้ฟังว่าทำงานอย่างไร ผมยืนว่าตลอด 7 ปีที่บริหารงบประมาณ ไม่มีเงินผ่านมือผมสักบาท มีแค่ตัวเลข ดังนั้น หากพบว่ามีโครงการใดทุจริตขอให้แจ้งเรื่องกับผมพร้อมข้อมูล และพร้อมตรวจสอบ เพราะไม่ต้องการให้ใครทำผิดจากนโยบายที่ให้ไป” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องการแก้ปัญหาระยะยาว ยืนยันว่าอยู่ทำเพื่ออนาคต อดีตคือปัจจุบันและคืออนาคต ไม่ใช่เอาอนาคตมาพูดอย่างเดียว โดยไม่รู้ข้อมูลพื้นฐาน ไม่รู้กฎหมาย ต้องทำตรงนี้เพราะต้องปลอดภัยเหมือนกัน ไม่ทำอะไรที่ให้รัฐบาลเดือดร้อน เรื่องการด้อยค่ารัฐบาลฟังมากก็ปวดหัว ตามใจมากก็ปวดหัว ลองคิดดู เชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของวุฒิสมาชิก ดูสิว่าจะเชื่อหรือไม่ ถ้าเชื่อตามไปหมด ข่าวลวง ข่าวบิดเบือน ข่าวด้อยค่าหากเชื่อไปทั้งหมด ก็ทำอะไรไม่สำเร็จ ติดกับดักตัวเอง ดังนั้น ต้องมองภาพกว้าง หากทำแล้วไม่พอ ขอให้บอก รับฟังทุกคน ไม่ว่าจะ ส.ส.หรือ ส.ว.ให้เกียรติทุกคน
“ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ แต่ผมตั้งเกียรติเองไม่ได้ ต้องให้คนอื่นมอบให้ หากผมทำดี ควรให้เกียรติ หากไม่ดี ก็ไม่ให้เกียรติ หากเลือกตั้งในอนาคต ผมยืนยันอยู่จนครบ จะได้เลิกพูดสักที วันหน้าหากเลือกตั้ง ก็เลือกให้ดี” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ทั้งนี้ ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีชี้แจง พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ได้ส่งข้อความเตือนให้ตอบคำถามหลังอภิปรายเสร็จ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “มีคนไล่ผมแล้ว ในนี้ไม่มีพวก” ก่อนจะถามขึ้นว่า ในนี้มีใครไม่เชื่อมั่นผมหรือไม่ขอให้ยกมือ ปรากฏว่าไม่มีใครยกมือ
ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวขึ้นว่า “ก็ไม่มี ผมบังคับไม่ได้ ผมเคารพท่าน 5-7 ปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยยุ่งกับพวกท่าน ผมเชื่อมั่นในวุฒิภาวะ ภายใต้ความเข้าใจ ผมจำเป็นต้องแก้ปัญหาทุกเรื่อง นำไปสู่การแก้ปัญหาที่พะรุงพะรัง รวมถึงการฟ้องร้องคดีที่ผ่านมา และมีอีกร้อยคดีที่ฟ้องร้อง ผมพร้อมสู้ ที่ผ่านมาผมไม่เคยนึกถึงตัวเอง หัวผมทำงานทุกวัน ฝันก็ยังเป็นงาน ไม่เคยฝันเป็นอย่างอื่น อยากจะฝันก็ไม่ได้ และยิ่งไล่ผมยิ่งสู้” นายกฯกล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังการอภิปรายมีการลงมติ โดยองค์ประชุมมี 207 คน เห็นด้วย 205 คน ไม่เห็นด้วยไม่มี งดออกเสียง 2 คน
ที่มา MATICHON