วันที่ 17 ก.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกเฟซบุ๊ก “ขอชื่อ สุธีร์ สามสี่ชาติ” ได้โพสต์เตือนเป็นอุทาหรณ์ หลังมีหญิงสูงอายุ นำยาข้างบ้านมารับประทาน จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด โดยระบุข้อความว่า

รับแจ้งหญิง 70 ปี มีอาการแน่นอก แต่ไม่เหมือนมีอะไรมากดทับ ไม่มีปวดร้าวไปที่ไหน หายใจรู้สึกเหนื่อย หลังสำลักอาหารขณะกินอาหารอยู่ ซักประวัติมีโรคประจำตัวความดันสูง ขณะซักประวัติกับญาติทางโทรศัพท์ ผู้ป่วยยังมีสติ ถามตอบรู้เรื่อง

อาสาสมัคร ชุดปฏิบัติการ BLS. ใกล้เคียง แจ้ง ว.4 ร่วม และถึงที่เกิดเหตุแล้ว 5 นาทีต่อมา อาสาสมัครแจ้งกลับมาทางวิทยุสื่อสาร #ผู้ป่วยมีหน้าซีดเหงื่อออกตัวเย็นและวูบหมดสติขณะนี้

ทีม ALS.ไปถึง ให้การช่วยเหลือ A B C D E ตามลำดับ ติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ไม่พบ ST elevation หรือ depression แต่ BP.drop และ ไม่มีประวัติ อาเจียน ท้องเสีย ถ่ายเหลว หรือเลือดออกใดๆ ทีนี้ทีม ALS. เลยเริ่มสงสัย ทำไมคนไข้ถึงหมดสติไปประมาณ 8 นาที จึงซักประวัติ SAMPLE
S : สำลักอาหาร ไอและหายใจเหนื่อย ต่อมาเริ่มแน่นหน้าอก
A : ปฏิเสธการแพ้ยา อาหาร
M : ยารักษาความดัน ไม่ขาดยา
P : โรคความดันโลหิตสูง พบแพทย์ตามนัดทุกเดือน
L : กินข้าวก่อนตามด้วย #ยาอมใต้ลิ้น ก่อนทีมรถพยาบาลมาถึง
E : ขณะกำลังนั่งกินมื้อเที่ยง กับครอบครัว และเพื่อนบ้าน

เลยถามญาติๆ ว่า ตอนถามประวัติการใช้ยา หรือยาโรคประจำตัวตอนแรก ทำไมไม่เห็นแจ้งว่า มีโรคหัวใจ หรือใช้ยาอมใต้ลิ้น อยู่ล่ะครับ ทุกคนแทบพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่ใช่ยาของยาย” #ป้าข้างบ้านเอายามาให้ บอก “ฉันก็เคยมีอาการคล้ายๆ นี้ ใช้ยาของฉันก่อนก็ได้ เผื่ออาการดีขึ้น” นี่เองที่ยายนั่งคุยอยู่ดีๆ แล้วมีหน้าซีด วูบ และหมดสติไป

ยาประจำตัวของเราอย่าเอาให้คนอื่นกิน อาการอาจคล้ายกันแต่อาจเกิดจากโรคและสาเหตุที่ไม่เหมือนกัน และหรือถ้าป่วยโรคเดียวกันแต่ปริมาณและความเข้มข้นของยาอาจไม่เท่ากัน “ควรรีบพาไปพบแพทย์” ผู้ป่วยถึง รพ.โดยปลอดภัย ส่งเวรเรื่องยาอมใต้ลิ้นเรียบร้อย อย่างน้อยเราก็ #ไม่ใช่ความโชคร้ายของคนไข้… “เจ็บป่วยฉุกเฉินโทร 1669”

ที่มา – ข่าวสด