กรมอนามัย แนะ ก่อน “กินเจ” ควรเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ปรับระบบของร่างกายก่อนกินเจ 2 – 3 วัน เพิ่มผักในมื้ออาหารให้มากขึ้น ลดเนื้อสัตว์ให้ร่างกายได้ปรับตัว
วันที่ 25 กันยายน 2565 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า เทศกาลกินเจปีนี้ อยู่ในช่วงวันที่ 26 กันยายน ถึง 4 ตุลาคม 2565 โดยวัตถุประสงค์หลักของการกินเจ คือ การสร้างบุญสร้างกุศล ชำระใจให้ใสสะอาด ไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์ และเป็นการปรับสมดุลร่างกาย ส่งผลให้สุขภาพกายและใจดีขึ้น เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารมาจากพืชผัก ผลไม้ เห็ดต่างๆ รวมไปถึงธัญพืช และถั่วเมล็ดแห้งเป็นเครื่องปรุงหลัก
โดยพืชผัก ผลไม้ ธัญพืช เป็นกลุ่มอาหารที่ให้วิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และช่วยล้างสารพิษในเยื่อบุลำไส้ออกจากร่างกาย สำหรับเห็ดมีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ มีแร่ธาตุและวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินดี และเบต้ากลูแคน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ส่วนถั่วก็อุดมไปด้วยโปรตีนจากพืช มีกรดอะมิโนที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
ทั้งนี้ ก่อนกินเจ 2-3 วัน ควรเตรียมความพร้อมของร่างกายและจิตใจ โดยให้ระบบทางเดินอาหารค่อยๆ ปรับสภาพเพิ่มการกินผักในมื้ออาหารให้มากขึ้น ลดปริมาณเนื้อสัตว์หรือเปลี่ยนจากเนื้อสัตว์ใหญ่ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เป็นปลา ไข่ นม ถั่วเมล็ดแห้ง ตามลำดับ เมื่อถึงช่วงกินเจประชาชนควรใส่ใจหลักโภชนาการดังนี้
1. กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ในแต่ละมื้ออาหาร ประกอบไปด้วย โปรตีนจากถั่วเมล็ดแห้ง คาร์โบไฮเดรตจากข้าวแป้ง วิตามิน และแร่ธาตุ จากพืชผัก ผลไม้ และไขมันจากน้ำมันแต่พอดี
2. กินโปรตีนจากพืชให้หลากหลายและเพียงพอ เช่น เต้าหู้ ฟองเต้าหู้ น้ำเต้าหู้ โปรตีนเกษตร ถั่วและผลิตภัณฑ์จากถั่วเมล็ดแห้งทุกชนิด
3. เลือกปรุงหรือซื้ออาหารที่มีรสชาติปานกลาง ไม่หวาน มัน เค็มจัด โดยอาจเลือกเมนูเจประเภท ต้ม แกง ย่าง ยำ และน้ำพริกผักแนม
4. กินอาหารกลุ่มข้าวแป้ง เส้นต่างๆ และผลิตภัณฑ์เลียนแบบเนื้อสัตว์ที่ทำจากแป้งในปริมาณที่เหมาะสม เพราะอาจทำให้ได้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป
5. วัตถุดิบที่นำมาปรุงอาหารต้องไม่ปนเปื้อนเชื้อโรคและสารเคมีตกค้าง โดยเฉพาะจากพืชผักควรล้างให้สะอาดเพื่อความปลอดภัย.
ที่มา thairath