เสี่ย ป. สายเปย์ หนุ่มใหญ่นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เมืองอุดรธานี ถูกตำรวจจับกุมเมื่อคืนวันที่ 27 ต.ค. และในวันต่อมาถูกนำตัวฝากขังศาลจังหวัดอุดรธานี ภายหลังผู้ปกครองเด็กสาวแจ้งความว่าลูกสาวถูกชักชวนไปถ่ายภาพและคลิปเปลือย นอกจากนี้ยังมีเด็กสาววัย 14-16 ปี อีกหลายคน หนีพ่อแม่ไปอยู่กับเสี่ย ป.อีกด้วย
แม้เสี่ย ป. อ้างว่า ไม่เคยล่วงละเมิดทางเพศ หรือทำอนาจารเด็กสาว และรักทุกคนเหมือนลูกสาว แต่ตำรวจได้พบถุงยางอนามัย และคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาว รวมถึงภายในห้องนอนของเสี่ย ป. มีการจัดเป็นสตูดิโอถ่ายภาพ มีกระจกรอบห้อง และมีสื่อลามกเป็นจำนวนมาก น่าจะเป็นหลักฐานในการเอาผิดเสี่ย ป.เพิ่มได้
หากวิเคราะห์พฤติกรรมของเสี่ย ป. ในเชิงทฤษฎีอาชญาวิทยา “รศ.ดร.พ.ต.ท.กฤษณพงค์ พูตระกูล” ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการ คณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า การกระทำของเสี่ย ป. เป็นการล่อลวงเหยื่อโดยใช้เงินล่อลวง ถ้าทำแบบนี้ก็จะให้ค่าตอบแทน เหมือนการล่อลวงในหลายกรณี เพื่อแลกกับการพาไปเทสต์หน้ากล้อง หรือสนับสนุนให้เป็นดารา ซึ่งผู้กระทำผิดจะอาศัยช่องว่างของเด็กที่ต้องการใช้เงิน เพราะแต่ละคนมีโอกาสไม่เหมือนกัน บางคนอาจอยู่ในครอบครัวที่ไม่ร่ำรวย หรืออยากจะซื้อของเหมือนกับเพื่อนๆ
“เมื่อเด็กไม่มีรายได้ ก็มีความต้องการ ยิ่งพ่อแม่ไม่รวยก็ยิ่งทำให้ถูกล่อลวงได้ง่าย หรือบางคนทำโดยสมัครใจ และถูกล่วงละเมิดทางเพศ จากการพบถุงยางภายในบ้านของเสี่ย ป. หากนำเหยื่อไปตรวจร่างกายอาจพบสารคัดหลั่ง หรือมีร่องรอยถูกละเมิดทางเพศ ในกรณีของเสี่ย ป. มีทั้งถูกล่อลวงและสมัครใจ มีความเป็นไปได้อาจมีเหยื่อเพิ่มขึ้นมากกว่า 6 คนก็ได้ ต้องตรวจดูหลักฐานผ่านแอปพลิเคชันไลน์ และสอบปากคำเหยื่อ ยิ่งสื่อมีการนำเสนอเรื่องนี้ ทำให้คนที่เคยตกเป็นเหยื่อ อาจมาให้ข้อมูลเพิ่มมากขึ้น”
บทลงโทษเสี่ย ป. จะหนักหรือเบา ต้องดูช่วงอายุของเด็กที่ตกเป็นเหยื่อว่าเป็นการพรากผู้เยาว์เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีหรือไม่ แม้เด็กจะเต็มใจก็ตาม และหากไม่ยินยอมก็เจอโทษข่มขืนกระทำชำเรา โดยทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานของเหยื่อแต่ละราย และการตรวจพิสูจน์ของผู้เชี่ยวชาญ ในการตรวจหาในสถานที่เกิดเหตุ อาทิ เส้นผม เส้นขน สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นของเหยื่อรายใด รวมถึงเพื่อนบ้านของเสี่ย ป. และสภาพแวดล้อมในเรื่องการใช้น้ำใช้ไฟ และเหยื่อมีการร้องขอความช่วยเหลือหรือไม่ หากพยานหลักฐานแน่นหนาจะถูกดำเนินคดีมากขึ้น
กรณีของเสี่ย ป. ถือเป็นภัยจากการล่อลวง และชักชวนซื้อขายบริการทางเพศ นอกจากนี้ยังเป็นความน่ากลัวของการล่อลวง หรือหากสมัครใจก็เป็นความน่ากลัวเช่นกันว่าทำไมเด็กเต็มใจทำ เพราะในความเป็นจริงแล้วน่าจะได้รับการดูแลเอาใจใส่จากผู้ปกครอง ไม่ให้เด็กเยาวชนกลายเป็นอย่างนี้ หรือเพราะระบบการศึกษา และการยึดติดวัตถุนิยม เป็นอีกเรื่องที่น่ากลัวในสังคม.
ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐออนไลน์