เจอศพสาวใหญ่ขี่รถมาล้มตายตายปริศนาข้างบ้านร้างกลางไร่อ้อยที่ท่าม่วง กาญจนบุรี พบผู้ตายติดโควิด-19 ลูกสาวเผยแม่เป็นโรคความดัน ติดใจทำไม่แม่มาตายตรงนี้ ทั้งที่ไม่ใช่ทางผ่าน ด้านผู้ใหญ่บ้านยืนยันคนตายอัธยาศัยดี ไม่มีศัตรู ส่วนบ้านร่างเคยเป็นที่พักคนงานไร่อ้อย เคยมีคนผูกคอตาย มีเสาตกน้ำมัน มีคนมาผูกผ้าขอหวย
เวลา 15.00 น. วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ต.ท.สุกิจ วรนาม สารวัตรสอบสวน สภ.หนองขาว ได้รับแจ้งว่าพบ ผู้เสียชีวิตที่บ้านร้างในดงอ้อย หมู่ 5 บ้านกร่างทอง ต.ทุ่งทอง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี จึงรายงานให้ พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ทราบและรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.มนตรี แตงโต ผกก.สภ.หนองขาว แพทย์เวร รพ.สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 กู้ชีพขุนรัตนาวุธ มูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ พบ นายเอนก กาญจนสุธา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ให้ข้อมูลผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นลูกบ้าน
ที่เกิดเหตุเป็นถนนในไร่อ้อยมีบ้านไม้สองชั้นสภาพร้าง ทรุดโทรม พบผู้เสียชีวิตคือ นางสุบิน มาสืบ อายุ 54 ปี ที่อยู่ 85/1 หมู่ 5 ต.ทุ่งทอง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี สภาพศพสวมเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีน้ำเงินแขนยาว กางเกงวอร์มขายาวสีดำ มีผ้าโพกหัวปิดบังใบหน้า ลักษณะคร่อมรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟสีดำแดง ไม่ปิดแผ่นป้ายทะเบียน ล้มไปทางซ้ายมือตรงหัวมุมของบ้านร้างแพทย์เวรได้ทำการชันสูตรเบื้องต้น พบว่าผู้ตายมีเชื้อโควิด-19 ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ หรือบาดแผลตามร่างกาย คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ในตัวยังพบเงินสด 600 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง สร้อยพระ 1 ตำรวจจึงได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายได้ยืมรถจักรยานยนต์เพื่อนบ้าน เพื่อจะไปซื้อปุ๋ยขี้ไก่กับปุ๋ยขี้วัวอาไปใส่ไร่ข้าวโพด บอกว่าไปไม่นานไปซื้อแถวบ้านเดี๋ยวก็กลับมา ตอนนั้นเป็นเวลา 12.00 น.วันที่ 24 พฤศจิกายน แล้วก็หายไปเลย จนกระทั่งมืดค่ำยังไม่เอารถมาคืน จากนั้นเพื่อนของผู้ตายได้ช่วยตามหาแต่ก็ไม่เจอตัว ซึ่งคนใกล้ชิดผู้ตายเชื่อว่า ไม่น่าจะมีใครมาทำร้ายและผู้ตายมีโรคประจำตัวเป็นโรคความดันสูง ประกอบกับมีไข้แล้วก็ไม่ได้ไปหาหมอ ซึ่งสภาพศพที่เห็นและรองเท้าที่ตกอยู่คิดว่าผู้ตายกำลังจะกลับบ้าน และได้ใช้เส้นทางนี้เพราะใกล้บ้าน รถน่าจะหลุดโค้งแล้วก็ล้มตัวถูกรถทับไม่มีคนมาเห็น
ด้าน น.ส.กุ้ง เพื่อนสนิทผู้ตาย เล่าว่า เมื่อวานได้คุยกันครั้งสุดท้ายตอน 10.30 น.เขาโทรมาถาม และช่วง 12.00 น. ตนกลับมาจากทำธุระเสร็จก็กะว่าจะโทรหาปรากฏว่าโทรไม่ติด พอมาถึงบ้านก็เห็นว่าบ้านล็อกกุญแจ ตนก็ไปถามข้างบ้านทราบว่าผู้ตายยืมรถจักรยานยนต์ขับไปตั้งแต่ตอนเที่ยงยังไม่กลับมาเลย จากนั้นก็ออกตามหาบริเวณรอบนอกกระทั่งเที่ยงคืน แต่ตรงจุดนี้ไม่ได้เข้ามาหา คิดว่าหน้าจะโดนด้วยฝนด้วยเพราะช่วง 4-5 โมงเย็น ฝนตกน่าจะนอนตากฝน แต่ตนยังสงสัยว่าผู้ตายมาตรงนี้ทำไม เพราะมันไม่ใช่เส้นทางหลักที่จะใช้ไปซื้อปุ๋ย และไม่ใช่เส้นทางที่คนทั่วไปจะผ่านกันด้วย ยกเว้นแต่คนงานทำไร่อ้อยใช้ผ่านกัน อีกอย่างเขาก็ไม่มีที่ดินอยู่แถวนี้ ไม่มีเหตุผลเลยที่ผู้ตายจะเข้ามาตรงนี้ ส่วนเรื่องบาดหมางกับใครก็ไม่มี มีแต่เจ้าหนี้
ขณะที่ น.ส.วิชุดา หลวงสีล ลูกสาวผู้ตาย เล่าว่า แม่มีโรคประจำตัวเป็นความดัน ปกติไปหาหมอแต่ช่วงหลังไม่เห็นไป เจอแม่ล่าสุดช่วงประมาณ 6 โมงเช้า ตอนออกไปโรงเรียน ปกติแล้วแม่ถ้าออกไปซื้อของ กลางคืนถ้าไปก็จะไปแต่ร้านค้าที่อยู่หน้าบ้านเป็นญาติกัน ส่วนจุดที่พบศพทางครอบครัวไม่ได้เข้ามานานมากแล้ว สมัยก่อนจะมีที่ทำนาอยู่ด้านในก็เคยใช้เส้นทางผ่านเข้าไปทำนา ส่วนสาเหตุการตายตนรู้สึกคาใจมากๆ
ด้าน นายเอนก กาญจนสุธา อายุ 41 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านกร่างทอง ต.ทุ่งทอง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เผยว่า ผู้ตายไม่เคยมีปัญหากับใครเลย เป็นคนอัธยาศัยดี ส่วนที่ผู้ตายเป็นโรคประจำตัวก็เพิ่งจะรู้จากเพื่อนสนิทผู้ตายเมื่อเช้านี้ว่ามีโรคประจำตัวอยู่แล้วก็ไม่สบายตั้งแต่เมื่อวาน สำหรับบ้านร้างตรงนี้เหมือนเปลี่ยนมือมาหลายคนแล้วสมัยก่อนบ้านหลังนี้เคยมีคนผูกคอตายแล้วก็มีเสาตกน้ำมัน มีชุดไทยเพราะเคยมีคนมาขอหวยแล้วถูก ไม่ทราบว่าทำไมผู้ตายมาตรงบ้านร้างหลังนี้ เพราะเวลามืดค่ำจะไม่มีใครกล้าใช้เส้นทางนี้ไม่มีใครสัญจรผ่านเข้ามา ยิ่งดงอ้อยสูงๆ แบบนี้ไม่มีใครผ่านเลย จุดที่ผู้ตายกับบ้านผู้ตายห่างกันประมาณ 500 เมตร
น.ส.สุนีย์ อายุ 55 ปี อดีตเจ้าของที่ดินแปลงนี้เนื้อที่ 50 ไร่ เดินทางมาดูเหตุการณ์ด้วย เปิดเผยว่า แต่ก่อนที่ดินแปลงนี้เคยเป็นของตนกับสามี ต่อมาได้ขายต่อเปลี่ยนไปหลายมือ ส่วนบ้านสองชั้นที่ร้างนั้นเคยเป็นที่พักของคนงานพักเฝ้าไร่ แต่ช่วงหลังก็ทรุดโทรมไป ที่ผ่านมาจะมีนักเสี่ยงโชคแวะเวียนเข้าไปขอเลขขอโชคและมีการมาแก้บนถวายชุดผ้าสามสี อาหารคาวหวาน เพราะบ้านร้างมีเสาตกน้ำมันด้วย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการตาย ต้องส่งศพไปผ่าชันสูตรที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ อย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐออนไลน์