ความคืบหน้ากรณี กรณีรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าแจ๊ส สีบอร์น ขับฝ่าไฟแดงสี่แยกเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม ซึ่งอยู่ใจกลางตลาดแม่กลอง แล้วเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ จนคนขับรถจักรยานยนต์และผู้ที่นั่งซ้อนท้ายรวม 3 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อเวลา 00.20 น. ของวันที่ 20 พ.ย. 65 กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้
โดยจากอุบัติเหตุดังกล่าว มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย ประกอบด้วย 1.นายณภัทร สุรพันธ์ อายุ 19 ปี คนขับรถจักรยานยนต์ ขาหัก นอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าสมุทรสงคราม 2.นายหัสฎา บุญพิทักษ์ อายุ 20 ปี ขาหัก เข้ารับการผ่าตัดขาเเล้ว แพทย์อนุญาตให้ไปพักฟื้นที่บ้าน และ 3.น.ส.ศิริพร ชมพูพื้น อายุ 21 ปี แขนซ้ายหัก, มีบาดแผลรอยช้ำที่ใบหน้า, กระดูกช่องท้องหักหลายซี่ ถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลตากสินกรุงเทพฯ
โดยในวันที่ 25 พ.ย. ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสงคราม พบรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้าแจ็สคันดังกล่าว จอดอยู่ภายในร้านขายวัสดุก่อสร้างแห่งหนึ่งใน ต.กระดังงา อ.บางคนที มีร่องรอยการเฉี่ยวชนได้รับความเสียหายบริเวณด้านหน้า ตรวจสอบเจ้าของชื่อ นายสุเชษฐ์ ติดญาติ อายุ 29 ปี ชาว จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นคนขับรถส่งของร้านดังกล่าว
โดย นายเฉลิมพล นายจ้างได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายสุเชษฐ์ เบื้องต้นรับว่าขับรถยนต์คันดังกล่าวชนกับผู้เสียหายจริง แต่ตกใจจึงขับหนีออกมา ต่อมาวกกลับไปที่เกิดเหตุแต่ไม่เจอใครจึงขับรถคันก่อเหตุไปจอดในร้านขายวัสดุก่อสร้าง และหยุดงานกลับไปบ้านพักเพื่อทำใจเพราะตกใจและกลัวความผิด
วันที่ 26 พ.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับคนก่อเหตุที่ขับรถคือ นายสุเชษฐ์ อายุ 29 ปี เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตัวเองขับรถกำลังจะไปหาเเฟนสาว กระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุยอมรับว่าเห็นไฟเเดงเเต่ตั้งใจขับฝ่าเพราะคิดว่าคงไม่มีรถมา เนื่องจากตอนนั้นดึกมากเเล้ว พอหลังจากชนเสร็จเกิดความตกใจ หากเจอญาติคนเจ็บก็กลัวจะถูกทำร้าย ประกอบกับตัวเองไม่มีใบขับขี่ด้วยเลยขับรถออกไปตั้งหลักก่อน จากนั้นประมาณ 20 นาที ก็ขับรถวนกลับมาดูที่เกิดอีกครั้ง เเต่ก็ไม่เห็นคนเจ็บเเล้ว จึงตัดสินใจขับรถกลับมาที่ทำงาน ก่อนที่วันรุ่งขึ้น จะขี่รถจักรยานยต์กลับไปทำใจที่บ้าน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงาน
ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ยอมรับว่ามีการดื่มเบียร์ตอนช่วงเย็น เเต่ดื่มเเค่นิดเดียวปริมาณเบียร์ที่ดื่มเเค่ 1 กระป๋อง หลังจากนั้นก็ไม่ได้ดื่มอีก เเละตอนเกิดเหตุก็เป็นช่วงดึกเเล้ว ยืนยันว่าไม่ได้เมา โดยหลังเกิดเหตุตนเองได้ดูข่าวทางทีวีก็รู้สึกเสียใจ (ร้องไห้) “รู้สึกเครียดมากครับ บางทีข่าวก็พูดเกินความจริง เหมือนผมไปฆ่าใครตาย ถ้าผมไปฆ่าคนอื่นตายค่อยว่าไปอย่าง ผมไม่ได้เจตนา ตอนนี้เครียดมากจนไม่กล้าไปสู้หน้าใคร”
ส่วนเรื่องการรับผิดชอบ ตอนนี้รอดูทางประกันรถยนต์ว่าจะรับผิดชอบให้หรือไม่ หากประกันไม่รับผมก็ยอมติดคุก เพราะคงไม่มีเงินไปรับผิดชอบ ดังนั้นตอนนี้ขอพูดผ่านอมรินทร์ทีวีขอโทษผู้บาดเจ็บเเละครอบครัวจากใจจริง ตนเข้าใจความรู้สึกดีเพราะตนก็เคยผ่านเหตุการณ์เเบบนี้มาก่อน เคยบาดเจ็บจากอุบัติเหตุมาก่อน วันจันทร์ ที่ 28 พ.ย. 65 ตนเองจะเดินทางไปมอบตัวเเละรับทราบข้อกล่าวหาที่โรงพัก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะจำไว้เป็นบทเรียนของชีวิต
ด้าน นายคมสันต์ ปุกคนโท อายุ 44 ปี หัวหน้างานของนายสุเชญฐ์ เปิดเผยว่า นายสุเชษฐ์ทำงานอยู่ที่นี่มาประมาณ 3-4 ปี ลักษณะนิสัยเป็นคนอัธยาศัยดี ส่วนการทำงานก็ขยันขันเเข็ง เป็นลูกน้องที่สู้งานคนหนึ่ง โดยก่อนเกิดเหตุช่วงเย็นวันที่ 19 พ.ย. หลังจากเลิกงานเวลาประมาณ 17.00 น. ตัวเองซื้อเบียร์มา 3 ขวด นั่งกินกับลูกน้อง 3 คน รวมนายสุเชษฐ์คนก่อเหตุด้วย นั่งกินกันอยู่ไม่นานจนถึงเวลา 19.00 น. ก็เเยกย้ายกันเข้านอน ก็ไม่รู้ว่านายสุเชษฐ์ขับรถออกไปตอนไหน
จนกระทั่งรุ่งเช้าเห็นรถของนายสุเชษฐ์จอดอยู่ สังเกตเห็นรอยชนด้านหน้าเเต่ยังไม่เจอตัวนายสุเชษฐ์ เนื่องจากวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ คนงานจะกลับบ้านไปพักผ่อน จากนั้นวันที่ 21 พ.ย. นายสุเชษฐ์ เดินทางมาทำงานตามปกติเเละเล่าให้ฟังว่าขับรถชนกับมอเตอร์ไซค์ตนเองก็ถามว่ามีใครเป็นอะไรหรือไม่ นายสุเชษฐ์บอกว่าขับรถวนกลับไปดูที่เกิดเหตุอีกรอบเเล้วไม่เห็นใครน่าจะไม่มีใครเป็นอะไรเลยขับรถกลับมาที่ทำงาน
จากนั้นวันต่อมาเห็นข่าวทางทีวีรู้ว่ามีคนเจ็บสาหัสถึง 3 คน ตอนนั้นตกใจมาก จึงบอกนายสุเชษฐ์ให้รีบไปพบตำรวจให้ไปรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำ ซึ่งนายสุเชษฐ์ก็มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัดหลังจากนั้นก็ไม่มาทำงาน จนกระทั่งวันที่ 25 พ.ย. ตำรวจก็ตามมาที่ทำงาน โดยหัวหน้างานยืนยันว่านายสุเชษฐ์ คนก่อเหตุ ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรเชื่อว่าเดี๋ยวคงไปพบตำรวจด้วยตัวเขาเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก Amarin News