อุทัยธานี “กะเพรา” ราคาพุ่งพรวด จาก 60-70 เป็น 100-120 ต่อกิโลกรัม กระทบร้านขายอาหารตามสั่ง อ่วมต้องแบกรับต้นทุนไว้เพราะไม่กล้าขึ้นราคา เกรงว่าลูกค้าจะหนีหาย

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวสำรวจราคา “กะเพรา” ในแผงขายผักตลาดสดเทศบาลเมืองอุทัยธานีหลังจากที่แม่ค้าพ่อค้าขายอาหารตามสั่งไปจับจ่ายซื้อของเพื่อนำไปประกอบอาหารขายให้ลูกค้าแล้ว พบว่าราคากะเพราต่อหนึ่งกิโลกรัม มีการขยับตัวสูงขึ้นจนน่าตกใจ

ที่ร้านเจ๊จุกซึ่งเป็นแผงผักที่ขายผักปลีกและส่ง เปิดเผยว่า ราคากะเพราจากเดิมกิโลกรัมละ 60-70 บาท ในตอนนี้ขึ้นมาเป็นกิโลกรัมละ 100 บาท สาเหตุของการขึ้น เนื่องจากเกษตรที่ปลูกกะเพราเพื่อส่งขายให้กับบรรดาแผงผักได้รับผลกระทบเพราะอากาศที่หนาวเย็น ในช่วงฤดูกาลนี้ต้นกะเพราไม่ผลิตใบและดอกเต็มที่ แต่ความต้องการของตลาดมีมากกว่าผลผลิต ประกอบกับรถบรรทุกขนส่งต้องแบกรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมรถยังคงมีราคาสูงนั่นเอง ซึ่งหลังจากที่อากาศเปลี่ยนและอุ่นขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคม สภาวะราคากระเพราแพงจะกลับมาเป็นปกติ เนื่องจากต้นกะเพรามีใบและดอกเติบโตเต็มที่

ขณะเดียวกันร้านอาหารครัวคนวัง ซึ่งเป็นร้านอาหารตามสั่งตั้งอยู่ที่ตลาดโต้รุ่งเทศบาลเมืองอุทัยธานี เป็นร้านที่มีเมนูข้าวราดกะเพราหลากหลาย เปิดเผยว่า ไปซื้อผักเพื่อมาประกอบอาหารขาย พบว่าราคากะเพราบางร้านขายอยู่ในกิโลกรัมละ 100 บาท บางร้านก็สูงถึงกิโลกรัมละ 120 บาท ไม่เพียงแต่กะเพราเท่านั้นที่มีราคาสูงจนน่าตกใจ มะเขือเปราะ เจ้าพระยา จากเดิมเคยซื้อกิโลกรัมละ 30 บาท ในตอนนี้กิโลกรัมละ 50 บาท รวมถึงผักบุ้งจีนเคยซื้อกิโลกรัมเพียง 50 บาท ในตอนนี้กิโลกรัมละ 70 บาท ส่วนผักอื่นๆ เช่น ต้นหอม ผักชี ผักกาดขาว ก็ราคาขยับตัวขึ้นสูงตามกัน

โดยก่อนหน้านี้ทางร้านได้ขอขึ้นราคาข้าวราดกระเพราจากเดิม 40 บาท มาเป็น 50 บาท เพราะเนื่องจากราคาข้าวของที่ซื้อมาประกอบอาหารขายให้ลูกค้าแพงขึ้นมาก จนในตอนนี้ไม่กล้าที่จะขอขึ้นราคาอีก เพราะเกรงว่าลูกค้าที่มาอุดหนุนกันประจำจะบ่นว่าแพง และกลัวว่าลูกค้านั้นจะหนีไม่มาซื้ออีก จึงจำใจทนแบกภาระต้นทุนไว้ ถึงแม้จะกำไรน้อยลงก็ต้องทน เพราะประกอบอาชีพขายอาหารตามสั่งมากว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งเป็นอาชีพหลักที่หารายได้เลี้ยงดูครอบครัวอยู่ในตอนนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐออนไลน์