กลายเป็นกระแสวิจารณ์ในโลกโซเชียล กรณีสาวจีน รีวิวการเดินทางมาไทย และใช้บริการรถนำขบวน โดยมีการอ้างว่า เป็นบริการที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เมื่อคลิปนี้ถูกแชร์ออกไป จนเป็นกระแสดัง ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องตั้งคณะกรรมสอบสวนเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง โดยเบื้องต้นพบว่า รถที่ใช้นำขบวนเป็นรถส่วนตัว
เนื้อหาในคลิปรีวิวของนักท่องเที่ยวจีน เริ่มตั้งแต่การลงเครื่อง มีเจ้าหน้าที่มาถือป้ายต้อนรับตั้งแต่ทางออก ก่อนพาไปยังจุดตรวจคนเข้าเมืองภายในสนามบิน มีการพาไปในจุดที่ไม่ต้องต่อแถว หลังจากนั้นมาขึ้นรถหน้าสนามบิน โดยมีรถมอเตอร์ไซค์นำขบวนไปส่งยังโรงแรมในจังหวัดชลบุรี สาวจีนรายนี้อ้างว่า การจ้างรถนำขบวนมีตั้งแต่ 6,000 – 7,000 บาท ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งสอบวินัยตำรวจ 3 นาย ที่ปรากฏในคลิป และมีการลบคลิปดังกล่าวบนโลกโซเชียล ออกแล้ว
“พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อดีตผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวถึงกรณีนี้กับ “ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” ว่า ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่นำรถส่วนตัวไปดัดแปลง เพื่อหารายได้พิเศษลักษณะนี้มานาน ตัวอย่างเช่น รถบัสที่มีตำรวจนำ บางส่วนเป็นรถส่วนตัวตำรวจ โดยนำเครื่องหมายและไฟฉุกเฉินมาติดบนรถ
“ทั้งที่จริงการขอรถนำขบวน และการใช้ไฟฉุกเฉิน มีระเบียบบังคับ เพราะต้องแจ้งไปยังหน่วยงานท้องที่ ซึ่งตามกฎจะใช้รถนำขบวนได้ ต้องเป็นรถวีไอพี แต่ถ้าเป็นกรณีรถนำขบวนที่ต้องเดินทางไปไกล ต้องประสานตั้งแต่หน่วยงานภายใน เช่น พื้นที่นครบาลต้องประสานกับตำรวจ 191 และตำรวจจราจร แต่ถ้าไปต่างจังหวัด จะให้เจ้าหน้าที่ทางหลวงรับหน้าที่นำขบวนต่อ”
กรณีที่เกิดขึ้นเป็นการใช้อำนาจในการส่วนตัว เพราะรถที่นำมาใช้ในคลิปเป็นรถส่วนตัว ไม่ใช่รถที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเช่าอยู่ เบื้องต้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องทำการสอบวินัย ว่าเป็นการปฏิบัติในเวลาราชการหรือไม่ และการเข้าไปอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว เป็นการใช้สิทธิตามราชการหรือส่วนตัว ขณะเดียวกันต้องตรวจสอบการอำนวยความสะดวกว่ามีการทำเป็นขบวนการ นอกเหนือหน้าที่หรือไม่
“ลักษณะนี้เป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการหาประโยชน์ ความผิดอาจไม่ถึงกับไล่ออกจากราชการ แต่ต้องทำการสอบทางวินัย โดยต้องพยายามสืบสวนว่า มีการทำเป็นขบวนการตั้งแต่ขั้นตอนไหน ลักษณะนี้ น่าจะมีการเปิดเป็นเว็บไซต์ รับงานอำนวยความสะดวก เพราะปกตินักท่องเที่ยวจีนชอบความสะดวกสบายในการเดินทาง”
ขณะเดียวกัน ต้องมีการสอบสวนไปถึงเจ้าหน้าที่การท่าอากาศยานว่า วันเกิดเหตุมีการอำนวยความสะดวก มีส่วนรับเงินหรือถูกหลอก โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ ดังนั้น แนวทางการแก้ปัญหา ระบบการรักษาความปลอดภัยของการท่าอากาศยาน ต้องมีความเข้มงวดกว่านี้ เพราะเป็นพื้นที่รับผิดชอบโดยตรง
การท่าอากาศยานต้องมีระเบียบในการอำนวยความสะดวกแขกวีไอพี ให้ชัดเจนมากขึ้น โดยประกาศให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทราบ ไม่ให้เกิดกรณีที่ใช้ตำแหน่งหารายได้ ที่อยู่นอกเหนือหน้าที่ เพราะกรณีเช่นนี้อาจมีการแอบอ้าง โดยไม่ผ่านการตรวจสอบตามระบบได้ และอาจทำให้เกิดปัญหาการลักลอบนำสิ่งของต้องห้ามเข้ามาในประเทศ และออกไปนอกประเทศ
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ตรวจสอบถึงผู้บังคับบัญชา ตั้งแต่ระดับผู้กำกับการ รองผู้กำกับการ และสารวัตร ที่ควบคุมการปฏิบัติงานของตำรวจที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ พร้อมกับให้จเรตำรวจแห่งชาติ เรียกทั้ง 3 คน มาสอบสวนดำเนินการทางวินัยเพิ่มเติม
“พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา” รอง ผบช.ทท. ในฐานะโฆษกตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า กรณีนี้อยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และจากการตรวจสอบเบื้องต้น รถที่ใช้เป็นรถส่วนตัว ไม่ใช่รถของทางราชการ ไม่ถือเป็นความผิดทางอาญา แต่มีความผิดทางวินัย เพราะเป็นความประพฤติไม่เหมาะสม เพราะตำรวจท่องเที่ยวต้องดูแลอำนวยความสะดวกกับนักท่องเที่ยวทุกคนในภาพรวม ไม่ใช่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นพิเศษ
จากการตรวจสอบในวันดังกล่าวไม่มีคำสั่งจากหน่วยงานให้ไปอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวแต่อย่างใด แต่จากพฤติกรรมทำให้เชื่อว่าเป็นการรับงานพิเศษในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ทั้งนี้หากการสอบสวนพบว่ามีคนขับรถของรัฐมนตรีเกี่ยวข้องด้วยตามที่เป็นข่าวจะต้องเชิญตัวมาให้ข้อมูลด้วยเช่นกัน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในประเด็นดังกล่าว.
ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐออนไลน์