จากเหตุการณ์ “นายท่าหัวร้อน” ปะทะผู้โดยสาร ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารนครราชสีมาแห่งที่ 2 ด้วยการแสดงกิริยาหยาบคายด่า-และผลักอก เพราะฉุนผู้โดยสารไม่ซื้อตั๋ว ล่าสุดทางสถานีได้สั่งพักงานเป็นเวลา 7 วัน ส่วนเรื่องทำร้ายร่างกายนั้นให้ผู้เสียหายแจ้งความตำรวจ ด้านเพื่อนร่วมอาชีพเผยเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง สร้างความเสื่อมเสียให้องค์กรและเพื่อนร่วมอาชีพ
จากกรณีมีผู้โดยสารรายหนึ่งโพสต์คลิปเหตุการณ์ขณะชาย-หญิงคู่หนึ่ง กำลังเดินผ่านช่องจำหน่วยตั๋วของบริษัทรถทัวร์ ภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารนครราชสีมาแห่งที่ 2 จากนั้นพนักงานพยายามเรียกผู้โดยสารและชักชวนให้มาซื้อตั๋ว แต่ถูกผู้โดยสารปฏิเสธ จึงทำให้พนักงานคนดังกล่าวโมโหใช้มือผลักอก แจกกล้วย กระชากคอเสื้อ แย่งโทรศัพท์มือถือ และด่ากราดท้าทายให้ผู้โดยสารไปแจ้งความ ด้านผู้โดยสารฝ่ายหญิงได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายคลิป แต่ถูกพนักงานแย่งโทรศัพท์ไป จึงยืนถกเถียงกันอยู่นานกว่า 10 นาที ก่อนที่ รภป.จะเข้ามาระงับเหตุ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปสัมภาษณ์ผู้โดยสารที่อยู่ในคลิป ทราบชื่อคือ นายวัฒนา จั่วสันเทียะ อายุ 43 ปี เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 14.20 น. วันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนและภรรยาได้เดินทางไปที่ บขส.เพื่อเดินทางไปกรุงเทพฯ ระหว่างนั้นเดินผ่านช่องจำหน่ายตั๋วของบริษัทแห่งหนึ่ง ก็มีพนักงานชายเข้ามาสอบถามว่าจะไปไหน ตนได้ตอบไปว่า “จะไปกรุงเทพฯ ครับ” พนักงานคนดังกล่าวก็พูดชักชวนให้ตนและภรรยาเดินทางไปกับรถทัวร์ของเขา โดยบอกว่ารถจะออกเวลา 14.30 น. ไปกับเขาดีกว่า ตนจึงตอบกลับไปว่า “ไม่ครับ” พร้อมกับเดินไปข้างหน้า จากนั้นพนักงานคนดังกล่าวได้พูดออกมาว่า “ทำไมโง่จังไอ้…(อวัยวะเพศชาย)” เมื่อตนได้ยินดังนั้นจึงหันกลับไปถามเขาด้วยถ้อยคำสุภาพว่า “พี่ว่าใคร” จากนั้นพนักงานชายคนนั้นก็เดินตรงเข้ามาผลักอกตนและกระชากคอ ตนจึงสะบัดมือเขาออกแล้วยืนโต้เถียงกัน ต่อมาภรรยาตนพยายามจะเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอ แต่ถูกพนักงานชายคนดังกล่าวกระชากโทรศัพท์ไปจากมือ แต่ภรรยาสามารถแย่งกลับคืนมาได้
ผมจึงพูดบอกกับเขาไปว่า จะโทรแจ้ง 191 เขาบอกกลับมาว่า “มึงโทรเลยกูจะรอ” จากนั้นเจ้าหน้าที่ของ บขส.จึงมาเชิญผมให้ไปพูดคุยกับพนักงานคนดังกล่าวในห้องของสำนักงาน พนักงานคนดังกล่าวได้ขอโทษ แต่ผมและภรรยาไม่ยอมความ จึงโทรไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผ่านไปประมาณ 10 นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินทางมาถึง แต่พนักงานคนดังกล่าวก็หายตัวไปแล้ว ผมไม่ได้มีเจตนาจะทำให้บริษัทเสียหาย แต่พนักงานนิสัยแย่แบบนี้ จึงขอฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทางวินัยด้วยครับ” นายวัฒนา ผู้เสียหาย กล่าว
ต่อมา ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่สถานีขนส่งผู้โดยสารนครราชสีมาแห่งที่ 2 ปรากฏว่า ไม่พบตัวผู้ก่อเหตุ จึงสอบถามเพื่อนร่วมงาน ทราบเพียงว่าผู้ก่อเหตุชื่อ นายป๊อก ตอนนี้ผู้ก่อเหตุถูกพักงานยังไม่กลับมาทำงาน วันเกิดเหตุไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะเหตุใด นายป๊อกถึงได้โมโหและด่ากราดลูกค้า ที่ผ่านมานายป๊อกก็เป็นคนอารมณ์เย็น ปกติแล้วนายป๊อกทำหน้าที่ตำแหน่งนายท่า คอยเรียกลูกค้าที่จะเดินทางอยู่หน้าตู้จำหน่วยตั๋ว และดูแลควบคุมการปล่อยรถ
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเพิ่มเติมไปยังนายท่าของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่อยู่ใกล้เคียงกัน เล่าว่า ตอนเกิดเหตุตนนั่งอยู่ด้านในตู้จำหน่ายตั๋วที่อยู่ถัดมา จากนั้นได้ยินเสียงคนทะเลาะกันจึงเดินออกไปดู พบว่ามีนายท่ากำลังยืนเถียงกับลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยเกิดเหตุการณ์ทะเลาะกับลูกค้ามาแล้วหลายครั้ง ตนมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง การที่ลูกค้าจะเลือกใช้บริการเดินทางของบริษัทใดนั้น ก็ขึ้นอยู่ที่ความพึงพอใจของลูกค้า พนักงานไม่มีสิทธิ์ที่จะไปยัดเยียดให้ลูกค้า ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เสื่อมเสียภาพลักษณ์ขององค์การและเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกัน
ด้าน นายสุวรรณ ขอเหนี่ยวกลาง เจ้าหน้าที่ รปภ.ที่เข้าไประงับเหตุในวันนั้น เล่าว่า ขณะเกิดเหตุ ตนได้รับแจ้งมีนายท่าและลูกค้าทะเลาะกันที่ชานชาลา จึงเดินไปดูตอนนั้นเหตุการณ์เริ่มสงบลงแล้ว จึงเชิญทั้งคู่เข้าไปนั่งในห้อง ซึ่งตัวนายป๊อกอารมณ์เริ่มเย็นลงแล้ว ผู้จัดการสถานีจึงสอบถามถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น นายป๊อกจึงยอมขอโทษผู้โดยสาร แต่ไม่ยอมรับว่าด่าผู้โดยสารโง่ ซึ่งสถานนีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 เป็นพื้นที่ของเอกชน ผู้จัดการสถานีจึงสั่งพักงานเป็นเวลา 7 วัน
ด้าน นายประสันติ ขาวปลอด นายสถานีขนส่งผู้โดยสารนครราชสีมาแห่งที่ 2 ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า หลังเกิดเหตุตนได้เรียกพนักงานคนดังกล่าวมาตักเตือน และเชิญผู้โดยสารมาพูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจ จากนั้นให้พนักงานคนดังกล่าวขอโทษผู้โดยสาร ส่วนเรื่องของคดีที่ผู้โดยสารถูกพนักงานทำร้ายร่างกายนั้น ให้ผู้โดยสารไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป ส่วนทางสถานีได้สั่งพักงานไปแล้ว เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นพนักงานบริษัทและเป็นรถร่วม บขส. บทลงโทษจึงขึ้นอยู่ที่ บขส.และบริษัทต้นสังกัดจะดำเนินการลงโทษอย่างไร
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปหาพนักงานคนดังกล่าว เพื่อให้เจ้าตัวได้ชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้
ที่มา – ไทยรัฐ