หลายประเทศออกมาเตือนอิสราเอล ว่าการโจมตีภาคพื้นดินในเมืองราฟาห์ จะทำให้เกิดหายนะตามมา หลังเนทันยาฮูสั่งกองทัพวางแผนอพยพประชาชนในเมืองแห่งนี้เพื่อเปิดทางโจมตี

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อิสราเอลโจมตีทางอากาศเข้าใส่เมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของฉนวนกาซาอีกครั้งในวันเสาร์ที่ 10 ก.พ. 2567 ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 44 ศพ รวมถึงเด็กๆ นับสิบราย หลังจากนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู เพิ่งออกคำสั่งให้กองทัพวางแผนอพยพคนในเมืองแห่งนี้ เพื่อเปิดทางสำหรับการโจมตีภาคพื้นดิน เพื่อกำจัดกลุ่มฮามาสที่ซ่อนตัวอยู่ในเมือง

คำสั่งของเนทันยาฮูทำให้เกิดความตื่นตระหนกไปทั่ว เนื่องจากมากกว่าครึ่งของประชากร 2.3 ล้านคนในฉนวนกาซา แออัดกันอยู่ในเมืองแห่งนี้ โดยหลายคนอพยพมาตามคำสั่งอพยพของอิสราเอลที่ตอนนี้ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2 ใน 3 ของกาซาแล้ว และตอนนี้ยังไม่มีใครตอบได้ว่า พวกเขาจะอพยพไปที่ไหนได้อีก

ในวันเสาร์ นายซาเมห์ ชูครี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอียิปต์ ออกมาระบุว่า การโจมตีภาคพื้นของอิสราเอลในเมืองราฟาห์ จะทำให้เกิดหายนะตามมา และกล่าวหาอิสราเอลว่า มีเป้าหมายที่จะขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนของพวกเขาเองในท้ายที่สุด

อียิปต์ยังเตือนด้วยว่า หากมีการอพยพของชาวปาเลสไตน์เข้าสู่อียิปต์ จะกระทบต่อสนธิสัญญาสันติภาพระหว่างพวกเขากับอิสราเอล ที่ดำเนินมานาน 4 ทศวรรษด้วย

ส่วน กาตาร์ อีกหนึ่งประเทศที่เป็นตัวกลางเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ก็ออกมาเตือนถึงหายนะที่จะเกิดขึ้นจากการโจมตีภาคพื้นดินในเมืองราฟาห์เช่นกัน ด้านซาอุดีอาระเบียเตือนว่าจะมีผลร้ายแรงตามมา

แม้แต่สหรัฐฯ ที่ให้การช่วยเหลืออิสราเอลมาตลอดก็เตือนว่า การโจมตีใดๆ ในเมืองราฟาห์โดยไม่มีการแผนการสำหรับพลเรือน จะนำไปสู่หายนะ และพวกเขาไม่สนับสนุน ขณะที่นางอันนาลีนา แบร์บอค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเยอรมนี ระบุผ่าน X ว่า ประชาชนในกาซาไม่สามารถหายไปในอากาศธาตุได้ และการโจมตีเมืองราฟาห์จะทำให้เกิดหายนะทางมนุษยธรรม

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขในกาซาเปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาจนถึงวันเสาร์ มีศพผู้เสียชีวิต 117 ศพจากการโจมตีทางอากาศ ถูกส่งไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดนับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้นเพิ่มเป็น 28,064 ศพแล้ว ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ขณะที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 67,000 คน

ที่มา – ไทยรัฐ