• นักวิจัยในฮาวายชี้สุนัขทุกตัวที่ได้รับการฝึกนั้นสามารถทายได้อย่างแม่นยำเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ สอดคล้องกับนักวิจัยอังกฤษที่พบว่าสุนัขสามารถตรวจจับกลิ่น และแยกแยะระหว่างเสื้อผ้าและหน้ากากอนามัยของผู้ป่วยโควิด-19 และผู้ที่ปลอดเชื้อได้แม่นยำถึง 94 เปอร์เซ็นต์
  • การใช้สุนัขดมกลิ่นนั้นสามารถรู้ผลได้อย่างรวดเร็ว และมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยราว 37 บาทต่อคนเท่านั้น
  •  องค์การอนามัยโลกชี้ ยังคงต้องค้นคว้าเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่การฉีดวัคซีนอาจกระทบต่อการดมหาผู้ป่วยโควิดในลำดับต่อไป

ขั้นตอนตรวจโรคโควิด-19 ที่ยุ่งยาก และใช้เวลานานกว่าผลจากห้องแล็บจะชี้บุคคลนั้นๆ ป่วยเป็นโรคโควิด-19 หรือไม่ อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่สูง เป็นหนึ่งในอุปสรรคของการควบคุมโรค จะเป็นอย่างไรหากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด่านหน้าสามารถที่จะชี้ตัวผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการได้ในทันที ทำให้นักวิจัยเริ่มค้นคว้าวิธีต่างๆ เพื่อให้การตรวจโรคนั้นรวดเร็วยิ่งขึ้น จึงนำไปสู่การฝึกสุนัขที่จมูกมีความไวต่อกลิ่นเข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ ซึ่งจมูกของเจ้าตูบนั้นสามารถเปรียบเทียบได้กับเครื่องมือที่ตรวจจับกลิ่นต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ ทำให้มันเป็นฮีโร่ช่วยเจ้าหน้าที่ตรวจจับระเบิดและยาเสพติดจนนำไปสู่การจับกุมอยู่บ่อยครั้ง 

ความสามารถในการดมกลิ่นของสุนัขนั้นไวกว่ามนุษย์หลายหมื่นเท่า และไวกว่าเครื่องมือตรวจจับกลิ่นเสียอีก พวกมันสามารถตรวจจับกลิ่นของผู้ที่ป่วยเป็นโรคต่างๆ เช่น มะเร็งและเบาหวานมาแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่ามานี้ทำให้เจ้าตูบกลายเป็นความหวังของมนุษยชาติในการตรวจจับผู้ป่วยโรคโควิด-19 

ด้านกลุ่มนักวิจัยคณะสัตวแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ของไทย ได้เผยผลงานล่าสุด ฝึกฝูงสุนัขดมกลิ่นตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 หกตัวแรกของประเทศ พิสูจน์ผลแม่นยำถึง 95% พร้อมประจำการท่าอากาศยาน เสริมปฏิบัติการคัดกรองปกติ

ขณะเดียวกันได้มีการทดสอบที่คล้ายคลึงกันนี้ในหลายประเทศทั่วโลก เช่น อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิหร่าน, โคลอมเบีย, ยูเออี, ออสเตรเลีย, ฟินแลนด์ และเบลเยียม โดยมีการใช้สุนัขหลากหลายสายพันธุ์ในการทดลอง สายพันธุ์ที่นิยมใช้มากที่สุดในขณะนี้คือสุนัขสายพันธุ์เบลเยียมและเยอรมัน แชปเพิร์ด, ลาบาดอร์, โกลเด้น รีทรีฟเวอร์, บีเกิล, บอร์เดอร์ คอลลี่, สปริงเกอร์ สเปเนียล และสายพันธุ์ผสม

สุนัขทุกสายพันธุ์นั้นมีแรงจูงใจในการทำตามคำสั่งเพื่อได้รับรางวัล เช่น ขนมและของกินสุดโปรดชนิดต่างๆ และมีความสามารถในการดมกลิ่นที่ยอดเยี่ยม เมื่อพวกมันถูกฝึกฝนให้ทำงานและได้รางวัลเป็นขนมทำให้พวกมันวิ่งดมกลิ่นอย่างขะมักเขม้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการใช้สุนัขดมกลิ่นตรวจหาผู้ติดเชื้อนั้นตกอยู่ที่ประมาณ 1.20 ดอลลาร์ หรือราว 37 บาทต่อคนเท่านั้น 

ด้านองค์การอนามัยโลกชี้ว่า การใช้สุนัขดมกลิ่นหาผู้ป่วยนั้นถือเป็นวิธีการสามารถรู้ผลลัพธ์ได้แบบเรียลไทม์ ไม่เกิดการสัมผัสกับตัวอย่างเชื้อ และมีค่าใช้จ่ายต่ำรวมถึงมีความรวดเร็วในการตรวจโรค ขณะเดียวกันยังคงต้องค้นคว้าเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่การฉีดวัคซีนอาจกระทบต่อการดมหาผู้ป่วยโควิดในลำดับต่อไป

นักวิจัยในฮาวายพบสุนัขสามารถตรวจจับผู้ป่วยได้แม่นยำ

ทีมนักวิจัยในฮาวาย รวมถึงทีมนักวิจัยจากอิสราเอล ได้ทำการวิจัยเฟสที่ 3 เกี่ยวกับการที่สุนัขดมกลิ่นหาผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งผลจากการวิจัยจาก  Assistance Dogs of Hawaii (ADH) แสดงให้เห็นว่าสุนัขสามารถดมกลิ่นแยกแยะผู้ป่วยโควิด-19 ได้แม่นยำเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ โดย ADH ได้ ฝึกฝนสุนัขดมกลิ่นซึ่งเป็นสายพันธุ์ลาบราดอร์ 3 ตัว และโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ 1 ตัว เพื่อให้ดมกลิ่นผู้ป่วย ซึ่งเป็นการคัดเลือกจากสุนัขดมกลิ่น 10 ตัว ด้านมอรีน เมาเรอร์ ผู้บริหารองค์กรระบุว่า การที่สุนัขสามารถดมกลิ่นหาผู้ป่วยโควิด จะทำให้การแยกผู้ป่วยเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการตามสถานที่ที่มีผู้คนจำนวนมากเช่นสนามบิน, โรงเรียน และโรงพยาบาล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศที่ยังพบการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

การทดสอบในครั้งนี้แบ่งเป็น 3 เฟส โดยในเฟสที่ 1 คือ การฝึกฝนสุนัข ใช้เวลาประมาณ 8 สัปดาห์ สุนัขได้เรียนรู้การดมกลิ่นผู้ป่วยโควิด-19 จากการดมกลิ่นเหงื่อ ถัดมาในเฟสที่ 2 เป็นการทดลองแบบ ปกปิดสองทาง (Double-blinded) โดยสุนัขจะดมกลิ่นจากตัวอย่างที่ถูกเก็บจากอาสาสมัคร โดยพวกมันจะแสดงท่าทางต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวอย่างใดเป็นของผู้ป่วยโควิด-19 เช่นการเอาอุ้งเท้าวางบนกล่อง และหากพวกมันทายถูกก็จะได้ขนมของโปรดเป็นรางวัล

สุนัขทุกตัวที่ได้รับการฝึกนั้นสามารถทายได้อย่างแม่นยำเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนเฟสที่ 3 ซึ่งเป็นเฟสสุดท้ายคือการที่สุนัขได้เข้าดมกลิ่นผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่ศูนย์การแพทย์เพื่อนำผลการทดสอบไปเทียบกับผลการทดสอบจากห้องแล็บ ซึ่งผลการทดสอบในเฟส 3 ได้ย้ำชัดว่าพวกมันสามารถดมกลิ่นผู้ป่วยโควิด-19 ได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์จริง

นักวิจัยอังกฤษเตรียมนำเจ้าตูบเข้าทดสอบในสถานการณ์จริง

นักวิจัยจากวิทยาลัยสุขภาพและเวชศาสตร์เขตร้อน แห่งลอนดอน ประเทศอังกฤษ ร่วมกับมหาวิทยาลัยเดอรัม และองค์กรการกุศลสุนัขเพื่อการตรวจหาทางการแพทย์ ได้ทำการทดสอบให้สุนัขจำนวน 6 ตัว ที่มีอายุตั้งแต่ 4 -6 ปี ประกอบได้ด้วยสายพันธุ์ ลาบราดอร์, โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ และค็อกเกอร์สแปเนียล เข้าทดลองดมกลิ่นเสื้อผ้าของผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งจากการทดลองเฟส ที่ 1 พบว่าสุนัขสามารถตรวจจับกลิ่น และแยกแยะระหว่างเสื้อผ้าและหน้ากากอนามัยของผู้ป่วยโควิด-19 และผู้ที่ปลอดเชื้อได้แม่นยำถึง 94 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสุนัขแต่ละตัวสามารถตรวจจับกลิ่นได้อย่างรวดเร็ว โดยคาดว่า สุนัขหนึ่งตัวจะสามารถตรวจจับกลิ่นได้ราว 250 ถึง 300 คนต่อชั่วโมง ซึ่งลำดับต่อไปคือการทดสอบในสถานการณ์จริงว่าสุนัขจะสามารถตรวจจับกลิ่นได้แม่นยำเหมือนกับช่วงทดลองหรือไม่ ส่วนในประเทศฟิแลนด์ได้มีการเริ่มทดลองใช้สุนัขดมกลิ่นหาผู้ป่วยโควิด-19 ในสนามบินแล้ว.

ผู้เขียน: นัฐชา (Nattachar K.) 

ที่มา: Jpost, BBCIrishtimes,thairath