สส.ภูมิใจไทย โวยตั๋วเครื่องบินไปภาคใต้อันดามันแพงหูฉี่ กระทบการท่องเที่ยว ชาวบ้านต้องหนีไปขึ้นเครื่องที่สุราษฎร์-นครศรีฯ เพราะราคาถูกกว่า
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 21 ก.พ. 2567 ที่รัฐสภา นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พร้อมด้วย สส.ภาคใต้ฝั่งอันดามัน พรรคภูมิใจไทย (ภท.) แถลงถึงปัญหาราคาบัตรโดยสารเครื่องบินไปจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ที่ราคาแพงเกินจริงว่า ในปัญหาดังกล่าว พรรคภูมิใจไทย ได้ตั้งกระทู้ถามรัฐบาลไปแล้ว และขอบคุณนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ที่เชิญสำนักงานการบินพลเรือนมาหารือ
แต่สำนักงานการบินพลเรือน ตอบไม่ตรงข้อเท็จจริง เพราะบัตรโดยสารปัจจุบัน ยังคงแพงจนทำให้ประชาชนชาวใต้ได้รับผลกระทบ และนายกฯ ก็ยอมรับว่า บัตรโดยสารเครื่องบินราคาแพงกว่าราคาเดินทางไปยังต่างประเทศ ซึ่งสถานการณ์ก่อนโควิด-19 ราคาบัตรโดยสารยังถูกกว่าปัจจุบัน
ปัจจุบันบัตรโดยสารไปจ.กระบี่ พังงา สตูล ตรัง และจังหวัดฝั่งอันดามันทั้งหมดแพง ทำให้ประชาชนภาคใต้ไม่เดินทางกลับภูมิลำเนา และไม่ไปร่วมงานบุญใด ๆ เพราะบัตรโดยสารแพง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นอุปสรรคจูงใจนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงราคายังไม่เป็นธรรม เช่น ราคาบัตรโดยสารจากกระบี่ ไปเชียงใหม่ ราคา 2,000 บาท แต่ราคาจากเชียงใหม่ มากระบี่ ราคา 6,000 บาท จึงทำให้จ.กระบี่เสียเปรียบ
“ดังนั้น ชาวกระบี่ หรือภูเก็ต ก็จะขับรถมาขึ้นเครื่องที่สุราษฎร์ธานี หรือนครศรีธรรมราช เนื่องจาก บัตรโดยสารราคาถูกกว่า จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เลิกวิธีคิดและการอ้างหากต้องการบัตรโดยสารราคาถูกให้จองล่วงหน้า 2-3 เดือน เพราะก่อนหน้านี้ให้สารการบินโลว์คอส มาทำกิจการในประเทศไทย ก็ตัดราคาจนบริษัทรถโดยสารในประเทศ และ บขส.ได้รับผลกระทบ ขอสังเกตว่าบัตรโดยสารแพงนี้ รัฐมีการเอื้อประโยชน์ให้นายทุนหรือไม่” นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าว
นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวต่อว่า พวกตนมีความกังวลหลังมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น แต่สายการบินกลับไม่เพิ่มเที่ยวบิน ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียหนีสงครามมาใช้ชีวิตท่องเที่ยวในประเทศไทย รวมถึงยังมีนักท่องเที่ยวชาวจีน อิตาลี มาท่องเที่ยวในไทย โรงแรมเต็มทั้งหมด แต่สายการบินไม่เพิ่มเที่ยวบิน จึงทำให้ราคาแพงกว่าในอดีต ประหนึ่งเป็นการตักตวงทำกำไรชดเชยในช่วงโควิด-19
นอกจากนั้นยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักในประเทศไทย เข้ามาประกอบอาชีพที่กฎหมายสงวนไว้ให้เฉพาะคนไทยประกอบอาชีพเท่านั้น อาทิ ร้านตัดผม ร้านอาหาร โดยให้นายหน้า หรือนอมินีคนไทยเป็นผู้จดทะเบียนแทน จึงเกิดปัญหาการแย่งงานคนไทย อาจทำให้คนไทยถูกแย่งอาชีพในอนาคตได้ และยังมีชาวต่างชาติรวมตัวกันตั้งกลุ่มอิทธิพลดำเนินกิจการด้านโรงแรม และพัวพันยาเสพติด จึงขอให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นทางด้วย
ที่มา – ข่าวสด