ชาวบ้านคัดค้านขยายบ่อขยะฝังกลุบในต.ปากโทก ชาวบ้านต.หัวรอ และต.ปากโทกอ.เมืองพิษณุโลก รวมตัวคัดค้านบริษัทเอกชน ที่มาเปิดเวทีรับฟังความเห็นขอขยายพื้นที่ฝังกลบ ที่ อบต.ปากโทก จนเวทีต้องล่มไป
ฝ่ายชาวบ้านที่มาคัดค้านเผยต้องทนกลิ่นจากขยะมาตลอดเวลาที่เปิดดำเนินการ 6 ปี และกังวลเรื่องน้ำเสียที่อาจจะมีผลกระทบกับน้ำบาดาล เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 9 เมษายน 2567 ที่ ลานเอนกประสงค์ หมู่ 5 ตำบลปากโทก อ.เมือง จ.พิษณุโลก บริษัท ไทมีดี จำกัด ได้จัดอภิปรายให้ความรู้ และรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ในโครงการกำจัดขยะมูลฝอย ด้วยวิธีการฝังกลบแบบถูกหลักสุขาภิบาล โดยมีนายอัครโชค สุวรรณทอง นายอำเภอเมืองจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานสำรวจรับฟังความเห็นโดยวิธีอภิปรายสาธารณะของประชาชนตำบลปากโทก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย นางพญา ธาราวุฒิ ผู้แทน บริษัท ไทมีดี จำกัด และประชาชนที่อาศัยติดกับอาณาบริเวณสถานประกอบกิจการในรัศมี 1 กิโลเมตรเพื่อประกอบการขอใบอนุญาตกำจัดขยะมูลฝอย ด้วยวิธีการฝังกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาลของบริษัท ไทมีดี จำกัด เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่เกี่ยวข้องตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่เกี่ยวข้อง พ.ศ.2561
แต่ยังไม่ทันได้เริ่มทำการประชาคม ก็ได้มีกลุ่มชาวบ้านจาก 3 หมู่บ้าน คือ หมู่ 2 หมู่ 6 หมู่ 7 ต.ปากโทก อ.เมือง จ.พิษณุโลก พร้อมด้วยชาวบ้านพื้นที่ใกล้เคียงบ่อขยะ จำนวนกว่า 250 คน ได้เดินทางมาคัดค้านการทำประชาคมบ่อขยะในครั้งนี้ พร้อมชูป้ายประท้วง ไม่เอาบ่อขยะ และต้องการขอพบกับผู้แทน หรือนายอำเภอ เพื่อต้องการคัดค้านการทำประชาชม
ในครั้งนี้ นายบุญเสริม บุญเผือก อายุ 69 ปี ชาวบ้านหมู่ 2 ต.ปากโทก อ.เมือง จ.พิษณุโลก ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากบ่อขยะรวมตัวกันกว่า 250 คน เพื่อคัดค้านการประชาคมขยายบ่อขยะของบริษัทฯ ที่ต้องการขยายพื้นที่ออกไปอีกประมาณ 100 ไร่ โดยชาวบ้านไม่ต้องการให้มีการขยายบ่อขยะ เนื่องจากส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่มานานถึง 6 ปี ทั้งเรื่องกลิ่นเหม็น น้ำบ่อที่ใช้กินร่วมกันอาจได้รับผลกระทบจากน้ำบ่อขยะ และปัญหาสุขภาพของชาวบ้านในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็กเล็กที่ล้มป่วยจากมลพิษทางอากาศ บ่อขยะดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลหัวรอและตำบลปากโทก กินพื้นที่ประมาณ 30 ไร่ ดำเนินกิจการแบบฝังกลบมาตั้งแต่ปี 2560 ปัญหาที่พบคือการส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชาวบ้านในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
นางวรรณพร เขียวสดใส ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ห่างจากบ่อขยะประมาณ 1 กิโลเมตร ได้รับผลกระทบจากกลิ่นเหม็นและน้ำประปามีกลิ่นเหม็นเป็นเวลากว่า 6 ปีที่ผ่านมา จึงต้องซื้อน้ำกินและใช้เครื่องกรองน้ำสารส้มในชีวิตประจำวัน ชาวบ้านจึงออกมาคัดค้านการขยายพื้นที่บ่อขยะเกือบ 200 ไร่ เนื่องจากไม่เชื่อมั่นว่าจะมีการรักษามาตรฐานตามที่รับปากไว้กับชาวบ้านได้ โดยเฉพาะบ่อขยะเดิมที่มีอยู่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขจนชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน
ในครั้งนี้ ชาวบ้านจึงขอคัดค้านอย่างเต็มที่ไม่เอาบ่อขยะเข้ามาอยู่ในพื้นที่อีกต่อไปแล้ว ด้านนางพญา ธาราวุฒิ ผู้แทน บริษัท ไทมีดี จำกัด ได้กล่าวว่า การทำประชาคมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 โดยรอบแรกได้มีการทำไปแล้วโดยการทำในรอบแรกเรียบร้อยดี โดยพื้นที่ ที่เราขอครั้งแรกน้อยมากโดยระยะทางพื้นที่ตำบลท่าโพธิ์มีการปิดบ่อขยะทำให้ไม่มีจุดที่ทิ้งขยะเลยก็เลยออกความให้นำมาทิ้งที่บริเวณบ่อนี้ทำให้บ่อขยะของเราเต็มเร็วทำให้การจัดการด้านเทคโนโลยีและการทำอะไรไม่ทัน สำหรับครั้งนี้ในการขยายเพิ่มของบ่อบำบัดและการเตรียมพื้นที่ ที่จะทำการฝังกลบและพื้นที่การทำโรงงาน RDF ใช้ผลิตพลังงานและการทำยังไงก็ได้ให้บ่อขยะเป็นศูนย์ อาจจะทำเป็นบ่อเชื้อเพลิงหรือส่งไปโรงงานไฟฟ้าที่ภูเก็ตหรือว่ามีคนนำขยะไปจัดการซึ่งเราก็จะมีความพยายามหาทางอยู่ เราก็ไม่ได้คิดว่าจะขยายโรงงานไปเรื่อยๆอย่างไม่มีทางสิ้นสุดเพราะว่าวันนี้ด้านเทคโนโลยีมีความทันสมัย เพียงแต่ต้องการพื้นที่ให้เพียงพอในการบริหารจัดการปัญหาขยะนี้ให้ได้ โดยเบื้องต้นขยะที่มีเป็นขยะชุมชนไม่ใช่ขยะติดเชื้อหรือขยะอุตสาหกรรมไม่ใช่ขยะที่อันตรายสำหรับรูปแบบคือเมื่อมีขยะเข้ามาเราก็จะนำไปสู่กระบวนการลงบ่อซึ่งได้มีการปูแผ่นผ้าใบรองพื้นบ่อขยะตามหลักสาธารณสุขแล้วมีการฉีดEMให้ขยะย่อยสลายหลังจากนั้นก็นำดินกบซึ่งทำอยู่ซึ่งเป็นไปตามหลักสุขาภิบาลซึ่งขณะนี้มีหน่วยงานราชการนำขยะมาทิ้งกับที่บอกของเราจำนวน 35 หน่วยงานเพราะว่าพื้นที่อื่นไม่มีบ่อขยะเพราะถ้าทำใหม่ก็จะเกิดปัญหาการประท้วงคัดค้านจากชาวบ้านเช่นเดียวกันแบบนี้ ซึ่งของเราเป็นบ่อดินเดิมเพียงแต่จะมีการขยายเพิ่มเติม จึงเป็นที่มาของการประชาคมในวันนี้