ไก่ ปริศนา วงศ์ศิริ อดีตนักร้องหมอลำรุ่นใหญ่ เจอพิษโควิดกระหน่ำ ผันตัวเป็นแม่ค้าขายมะละกอริมถนน สู้โควิด ไม่อายทำกิน
โดนพิษโควิดเข้าเต็มๆ สำหรับอดีตนักร้องหมอลำรุ่นใหญ่ “ไก่ ปริศนา วงศ์ศิริ” ที่ล่าสุดในโลกโชเชียลได้มีการแชร์ภาพขณะนั่งขายมะละกออยู่ริมถนน ทำคนมองตกอับรึเปล่า ล่าสุด ไก่ ปริศนา ได้เปิดใจผ่านรายการ คุยแซ่บShow ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และบูม สุภาพร เป็นพิธีกร
มีภาพที่โซเชียลแชร์กันเป็นแม่ค้าขายของเกิดอะไรขึ้น? “โควิดช่วงนี้มันมาหลายระลอก ทีนี้เราเป็นเกษตรกรเป็นมานานแล้ว แต่ไม่มีใครทราบว่าเราทำอะไร นอกจากเราไปร้องหมอลำ งานคอนเสิร์ตหมอลำหรือแสดงละคร ซึ่งอาชีพนี้เราทำมานานแล้วปลูกข้าวสุขภาพ พืชผักผลไม้ แล้วเมื่อปีที่ผ่านมาตอนโควิดรอบแรกก็ไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายหนักขนาดนี้ มีลุงคนหนึ่งให้เราปลูกมะละกอฮอลแลนด์ ตอนนั้นเราก็ปลูกไป 15 ไร่ และมะละกอแขกดำอีก 5 ไร่”
ภาพที่เห็นลงมาขายเอง? “มะละกอมันไม่มีตลาดลง เพราะเดี๋ยวก็เจอคลัสเตอร์ทุกตลาด ขายไม่ได้เราก็ต้องทิ้งมะละกอวันละ 3-4 ตัน เลยตัดสินใจลงมาขายเอง คนคิดว่ามะละกอฮอลแลนด์น่าจะแพง เราก็ขายไม่แพงก็น่าจะได้นะ วันหนึ่งปุ๋ยพันกว่า เราไปขายก็คิดว่าน่าจะได้ค่าแรงลูกน้องก็ยังดีกว่าเอาไปทิ้ง”
ช่วงโควิดเสียหายไปเท่าไหร่? “นับไม่ได้เลย 3 เดือนกว่าที่แล้ว พริกชี้ฟ้า พริกเขียวที่เขาเอาไปตำน้ำพริก กองเป็นภูเขาเลยทิ้ง ผักกวางตุ้งก็สับให้ปลากิน 3-4 วัน ไม่หมด”
เสียหายไปมูลค่าถึงหลักล้านไหม? “มันหลายๆ อย่าง รวมๆ กันก็เป็นล้านกว่า เราเสียดายก็เลยมาขายเอง”
หลายคนมองว่าตกอับเลยมาขายของแบบนี้? “ถามว่าตกอับไหม ก็มีหลายคน เขาก็โทรมาถาม เป็นยังไง ลำบากมากไหม เราก็บอกว่าขายผักไม่ได้ราคาช่วงโควิด”
ก่อนโควิดที่ทำเกษตรแบบนี้รายได้ค่อนข้างเยอะมากเหมือนกัน? “เยอะค่ะ แต่ก่อนทำข้าวเป็นหลัก”
แล้วนอกจากเกษตรกรสิ่งที่ทุกคนรู้จักคือ นักร้อง หมอลำ เล่นละคร ไม่ได้ทำมานานเท่าไหร่แล้ว?
“คือแม่ไม่ได้เล่นละครเลยตั้งแต่กุภาพันธ์เพราะต้องปิดกองถ่าย แล้วงานคอนเสิร์ตที่เราไปโชว์ตามงานวัด งานบุญ งานอะไร ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน จนเดี๋ยวนี้ไม่มีอะไรเหลือเลย”
8 เดือนแล้ว? “งดหมด เพราะว่าตามนโยบายของรัฐบาล ไม่ให้ชุมนุมเยอะๆ คิดถึงเวลาขึ้นคอนเสิร์ตจับไมค์”
ถ้าย้อนกลับไป 40 ปี แม่เป็นเบอร์1 ค่อนข้างโด่งดังมากๆ? “ค่ะ”
ตอนนั้นเข้าวงการได้ยังไง? “ตอนนั้นแม่เป็นคนล่าฝัน อยากเป็นนักร้อง”
ตอนเด็กฝันอยากเป็นนักร้อง? “เราอยากเป็นนักร้อง อยากทำแผ่นเสียง เพราะว่าบ้านแม่อยู่ไกล ต้องตื่นมาฟังวิทยุหมอลำตอนเช้า ได้ยินนิดๆ หน่อยๆ มันก็จะมาฝังอยู่ในหัวเรา ก็จำมาเพราะรู้สึกว่ามันเข้าสมอง”
จากสาวสกลนครแล้วมาออกอัลบั้มได้ยังไง? “เข้ากรุงเทพฯ มาตอนแรกเลยไปสมัครเป็นนักร้อง เขาก็ให้ขึ้นไปโชว์ เราก็ดีใจเขาต้องรับเราแน่เลย แต่เขาให้เรารอเดือนหนึ่ง แล้วตอนนั้นเรามีเงินอยู่แค่นี้จะพอกิน พอซื้อข้าว มัดจำค่าเรือก็หมดแล้ว ตอนนั้นไม่มีบ้าน นอนในเรือก็หารกับเพื่อนสมัยนั้นใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ตรงนี้เป็นตลาด ตรงนี้เป็นคลองผดุงกรุงเกษม สมัยนั้นมีตลาดจันทร์ประวิทย์ เป็นที่ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ แล้วหม่อมเจตท่านเช่าทำตึกประมาณ 20 ปีก็หมดสัญญา ในตลาดมีโยนแตงโม พอหน้าแตงโมเข้ามาก็โยนกันเป็นทอดๆ กองเป็นภูเขา เป็นตลาดแตงโม ถามว่าเงินดีไหม ก็ร้อยละห้าสิบ หกสิบ ก็ถือว่าอยู่ได้ในช่วงนั้น”
แล้วแม่มาเข้าวงการได้ยังไง? “ตอนนั้นแม่มาสมัครเรียนทำผมที่เกศสยาม ก็มารู้จักกับคุณอาสมชาย ท่านก็เอาแม่ไปขึ้นปกหนังสือ แล้วบอกว่าจะพาไปรู้จักกับเพื่อน เขาทำหนัง ทำละคร ไปแสดงหนังกับเขา ก็เลยพาไปรู้จักกับคุณหรั่ง ไพรัช สังวริบุตร เลยได้เล่นละครเรื่องแรก ขุนแผนผจญภัย ด้วยความโชคดีเลยมีละครอีกหลายเรื่องตามมา และที่โด่งดังมากๆ ตอนนั้นก็คือละคร แก้วหน้าม้า”
แม่เป็นแม่นาคคนที่2 ของประเทศไทย มายังไงถึงได้บทแม่นาคพระโขนง? “ตอนนั้นพอแก้วหน้าม้าจบ เราก็ไม่รู้ว่าจะแสดงเรื่องอะไรต่อ ก็ไปทานอาหารเจอคุณ “ไพรัช สังวริบุตร” เขาเลยบอกว่าเดี๋ยวจะมีการถ่ายไตเติ้ลเรื่องแม่นาคพระโขนง ก็ให้แม่มาเจอท่านที่บริษัท คือตอนนั้นท่านเลือกเราเลย”
ทำไมแม่นาคพระโขนงถึงกลายเป็นตำนานได้? “แม่นากพระโขนงดังมาตั้งแต่คุณปรียาแสดง ตอนนั้นมันก็สยองมากอยู่แล้ว พอเรามาแสดง มันเป็นทีวีช่องแรกที่ถ่ายทอดเป็นสีเหมือนหนังในโรง แล้วแม่นาคก็เป็นเรื่องแรกของช่องนี้ แล้วก็ออกอากาศเป็นสี”
เจออาถรรพ์ในกองถ่ายแม่นาคพระโขนง? “ตอนนั้นแม่กลัวมากๆ ถามว่าเจอไหม ก็มีเจอนะ สมัยนั้นออกมาทางลาดหลุมแก้ว กลางคืนก็จะไม่ค่อยมีไฟ แล้วแม่นาคก็ต้องถ่ายเฉพาะกลางคืน คือจะมีหลุมขุดฝังแม่นาคที่เราจะต้องลงไปนอน แต่มันสว่างก่อนถ่ายยังไม่เสร็จ แต่พอผ่านไปอีกวัน กลับมีศพมานอนจริง ยอมรับว่ารู้สึกกลัว ทีมงานก็ช็อก”
นอกจากมีเรื่องศพแล้วมีเรื่องอื่นอีกไหม? “มี ตอนที่แม่นาคอยู่บนโรง สวดอยู่ ในเรื่องมีทะเลาะกัน พอทะเลาะกันทำให้โรงตกลงมา แล้วฝาโลงมันจะแง้มขึ้นมา แล้วเขาก็เอาแม่เข้าไปนอนในโลง แต่งหน้าเป็นผี แต่ตากล้อง ผู้กำกับเห็น ตากล้องผงะเลย เขาบอกไม่ใช่ไก่”
แม่เป็นนักแสดง แม่กลัวไหม? “กลัว ผู้กำกับก็กลัว ตกดึกมา จะมีคนมาดูเรา พอสักทุ่ม สองทุ่มทุกคนกลับบ้าน กองถ่ายก็มีไม่มีคน บางคนไม่มีถ่ายก็มานั่งรวมๆ กัน เพราะกลัวผี บางทีพวกเราก็มาหลอกกันเอง”
แต่ก่อนช่วงที่จะเล่น มันก็จะมีตำนานหรือเรื่องราว? “นางเอกที่เล่นก่อนหน้านี้ท่านเสียชีวิตไปแล้ว แต่จริงๆ เราก็ไปบวงสรวงที่ศาลแม่นาค ที่วัดมหาบุศย์”
สมัยก่อนหนุ่มๆ จีบเยอะไหม? “ไม่มีใครมาจีบเลย เพราะว่าอยู่ในป่า อย่างแม่นาคเราถ่ายกลางคืน กลางวันเราก็นอน ตื่นอีกทีก็บ่าย3-4 โมง ทานข้าวก็เตรียมเข้ากองแล้ว”
เจ็บใจโดนเจ้าภาพโกงค่าตัว หอบเงินแสนของเราไปด้วย? “คือตอนนั้นมีงานวัดงานหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในงานนั้นจะมีแม่แสดงอยู่ด้วยคืนหนึ่ง และวันที่แม่แสดงเก็บเงินได้แสนกว่า พอเจ้าภาพเก็บเงินได้ก็หอบเงินหนีเอาไปหมดเลย ตอนนั้นแม่หาไม่เจอก็รอเจ้าภาพจ่ายเงิน หาจนถึงสว่างเพราะเสร็จงานตอนตีหนึ่ง ผู้ใหญ่บ้านที่มาดูเขาก็เติมน้ำมันให้เรากลับ เท่ากับว่างานนั้นเราเล่นฟรีไม่ได้อะไร และมีพระหอบบาตรหนีเลย สมัยนั้นมีตลก มีคุณหม่ำอยู่ในนั้น ตอนนั้นเล่นอยู่แถวๆ เพชรบูรณ์ มันไกลมาก คนแถบนั้นในป่าในเขาก็ออกมาดู พอค่ำมา เสียงดนตรีขึ้น คนก็วิ่งเข้ามาถือเสื่อมาคนละผืน คนดูเยอะมาก แล้วเก็บค่าบัตรผ่าน 20 บาท วันนั้นก็เก็บได้แสนกว่า”
แล้วพระท่านเป็นคนเก็บ? “ค่ะ ก็มีพระ มีกรรมการ นั่ง 2-3 คน แต่พระหอบบาตรเงินหนีออกจากวัดไปเลย แม่ก็ตามเงินไม่ได้”
แม่โกรธหรือเสียใจไหมที่เขาโกงค่าตัวเราไป? “เสียใจ เราก็เหนื่อยสงสารลูกน้องเพราะว่าเขาก็หาเช้ากินค่ำ”
ที่มา : khaosod