น้ำตายังไม่ทันแห้ง เป็ด เชิญยิ้ม ใจสลายซ้ำ โควิดพรากชีวิตพ่อวัย 94 หลังสูญเสียแม่ไปเพียง 10 วัน สุดเจ็บปวดทรมาน เผยลางบอกเหตุ ชาติหน้าขอเกิดเป็นลูกพ่อแม่อีก

เปิดใจตลกอาวุโสชื่อดัง “เป็ด เชิญยิ้ม” ที่สูญเสียคุณพ่อวัย 94 ปี ด้วยโรคโควิด-19 หลังสูญเสียคุณแม่ไปเพียง 10 วัน พร้อมเล่ามีลางบอกเหตุก่อนสูญเสีย ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และใบเฟิร์น พัสกร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

สภาพจิตใจเป็นยังไงบ้าง ? “มันเหนื่อย มันเพลีย เหนื่อยกายเราไม่เคยกลัว เราต่อสู้กันทั้งชีวิต แต่เหนื่อยใจกับการสูญเสีย เหลือน้ำตาหยดสุดท้ายไว้ในวันลอยอังคารพ่อ วันเสาร์นี้จะไปลอยอังคารพ่อที่สัตหีบ ส่วนของคุณแม่ยังไม่ได้ทำต้องไปพร้อมกันทั้งคู่เพราะเขารอซึ่งกันและกัน เขาทำให้เราเห็นปาฏิหาริย์ความรักคู่นี้ แม่เกิดวันที่ 15 พฤษภาคม พ่อเกิด 26 มิถุนายน รักกันมา 70 ปี ปีนี้เป็นปีที่ 70 ปีนี้เป็นปีที่เขาขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯ ทั้งที่เขาไม่เคยอยากขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯ เลย ปกติอยู่แต่ที่ตรัง ครั้งนี้เขามาเดินเกี่ยวแขนกันอยู่ริมชายหาดบางแสนในรอบ 70 ปี เราเห็นแล้วมันสะท้อนเหมือนพ่อแม่มาสั่งลาโดยที่ไม่ยอมกลับไปใต้ ปกติอยู่กรุงเทพฯ ได้อาทิตย์หนึ่งก็บ่นแล้ว พ่ออายุ 94 แม่อายุ 89 ปี ตนไม่ได้ถามว่าทำไมอยู่กรุงเทพฯ นานจัง บอกเขาแค่ว่ามาอยู่ที่บ้านไหม สมัยก่อนพ่อเคยบอกว่าอยากมาตายที่กรุงเทพฯ อยากอยู่ใกล้ลูกหลาน ครั้งนี้เขาไปอยู่บ้านหลานสาวกับเหลน คือน้องบอย แฟนชมพู่ เขารักคู่นี้มาก เขาก็มีความสุข”

วันที่รู้ข่าวพ่อแม่ติดโควิด ช็อกไหม ? “โอ้โห.. มันรู้สึกว่าทำไมพ่อแม่เราอยู่ในบ้าน พ่อแม่เราติดได้ยังไง น้องชายรับพ่อแม่ไปโรงพยาบาลเพื่อไปตรวจ หลังจากที่รู้ข่าวว่าแม่บ้านที่ดูแลแม่กับพ่อติดโควิด สาเหตุที่เขาติดโควิดเพราะเขายืนคุยกับแม่บ้านข้างบ้าน แล้วก็ไม่สวมหน้ากากด้วยกันทั้งคู่ ปราศรัยกันอย่างมีความสุขและเอามาติดพ่อกับแม่ ทั้งบ้านติดกันอยู่ 3 คน คือแม่บ้าน พ่อกับแม่ พอติดปั๊บเราก็แบบ โอ้โห เจ๊งแล้ว เพราะแม่อายุ 89 เริ่มคิดเริ่มเครียด คุยโทรศัพท์ก็ไม่เห็นหน้าอยากเห็นหน้าพ่อแม่ ภรรยาก็เลยซื้อเครื่องใหม่ไปให้และให้พยาบาลทำให้ เราก็ได้ FaceTime กับพ่อแม่ เขาก็นอนเตียงเดียวกัน ปู่กับย่าหัวชนกัน เราก็บอกว่าแม่กักตัวนะแม่นะ แม่ไม่ได้เป็นแต่อยากให้อยู่ใกล้หมอ เพราะพ่อกับแม่อายุเยอะ พ่อแม่บอกอยู่ได้ ไม่ต้องห่วง เราก็เห็นว่าเขามีความสุขก็ไม่เป็นไร เราก็เช็คกับหมอตลอดเวลา แต่แม่มีเบาหวานความดัน ฉะนั้นอัตราเสี่ยงของแม่สูงมาก ออกซิเจนจาก 90 กว่า เหลือ 80 กว่า หมอเลยตัดสินใจเอาเข้าห้องไอซียู ตอนนั้นวัดไหนที่ดีที่สุดที่เราเคยศรัทธาเราไปทุกวัด บนทุกวัดให้ลูกชายบวช ขอให้พ่อกับแม่หาย สุดท้ายแม่ก็เริ่มหนักลง บังเอิญมีหมอดูไพ่ยิปซีบอกว่า คุณเป็ดรู้ไหมคุณเป็ดมีปัญหาเรื่องเจ้ากรรมนายเวรอยู่ที่พัทลุง คุณเป็ดไปทำอะไรที่พัทลุงหรือเปล่า ต้นตระกูลผมอยู่ที่พัทลุง คุณแม่เป็นคนพัทลุง คุณตาเกิดที่พัทลุง เขาบอกว่าให้เป็ดไปทำบุญ ตนก็ตั้งใจไปทำบุญให้แม่วันที่ 30 ตีตั๋วเครื่องบินไปเรียบร้อย แต่สุดท้ายแม่เสียวันที่ 29”

ตอนที่เริ่มมีท่าทีแย่ลง คุณแม่มีความกังวลอะไรไหม ? “เขาไม่กังวล เพราะเขาพูดไม่ได้แล้วเพราะใส่ท่อช่วยหายใจ หมอถามว่าคุณเป็ดจะปั๊มไหม ผมบอกว่าผมขอปั๊มได้ไหม แต่น้องชายบอกอย่าปั๊มได้ไหมพี่เพราะกลัวแม่เจ็บ แต่ที่เราปั๊มเราขออย่างเดียวคือวันที่ 30 เราอยากไปทำบุญให้แม่ก่อนขอให้เลยวันนี้ไปก่อน สุดท้ายเกือบทุ่มหมอปั๊มและโทรมาบอกว่าหมอปั๊มไปประมาณ 15 นาทีแต่ไม่ขึ้นไม่ตอบสนอง ขอลองอีกซักนิดนึงอีก 10 นาที หมอก็บอกว่าไม่ไหวแล้ว ซึ่งผมเองก็ไม่ไหว ผมทนไม่ไหวถ้าแม่ไปตามอายุไขเราจะไม่เสียใจ เพราะเราจะได้ห่มผ้า จะได้ล้างเท้าให้แม่ เคยคิดว่าแม่ 89 จะอยู่ได้อีกกี่ปี ถ้าแม่อยู่ได้ยาวผมก็มีบุญมากที่ได้เจอแม่อยู่กับแม่มากเท่านั้น แต่วันไหนที่พ่อแม่จากไปเราจะไม่เสียใจมากเท่าขนาดนี้ เราจะได้เช็ดเท้าแม่ ทาแป้งให้แม่ และกอดหอมแม่ ส่งแม่ขึ้นสวรรค์ ในใจคิดอยู่อย่างนี้แต่มันทำไม่ได้ ไม่มีโอกาสได้ทำก็ต้องทำใจ พ่อก็อยู่ที่โรงพยาบาลมันเป็นอะไรทรมานมาก”

ดูแลความรู้สึกตัวเองยังไง ? “มีคนรอบข้างให้กำลังใจ ในชีวิตตนต้องการให้พ่อแม่มีความสุขที่สุด เพราะตนเป็นเด็กเกเรที่สุดในบ้าน เราเคยกราบเท้าพ่อเท้าแม่ว่าต่อไปนี้น้ำตาของพ่อกับแม่ คือน้ำตาแห่งความภาคภูมิใจในตัวผม สมัยก่อนพ่อขับแท็กซี่ปั่นสามล้อขับตุ๊กตุ๊ก 30-40 ปีที่เขานั่งอยู่หลังพวงมาลัย เขากลับมาบ้านไม่เคยบ่นว่าพ่อเหนื่อย มีแต่ยิ้มและหัวเราะจับลูกชายลูกสาวโยนขึ้นแบบมีความสุข ครอบครัวเราจนมาก แม่เป็นแม่บ้าน ฉะนั้นเราต้องช่วยพ่อแม่ทุกอย่าง เราค่อนข้างจะเกเรเลยตั้งใจว่าจะทำยังไงก็ได้ให้พ่อกับแม่มีความสุข ตอนพ่ออยู่ไอซียู พอรู้ว่าแม่เสียพ่อก็เริ่มดื้อ ทั้งที่ไม่ได้บอกเขาว่าแม่เสีย เพราะไม่กล้าบอก และช่วงหนึ่งพ่อมีอาการดีขึ้น พี่น้องมาประชุมกันว่าถ้าพ่อออกมาว่าใครจะเป็นคนพูด เราบอกพี่ชายว่าอย่าให้เราพูด เพราะถ้าพูดก็จะเป็นแบบนี้ น้องชายเลยบอกขอเป็นคนพูดเอง จะพูดว่าพ่อไปอยู่บ้านบิ๋มนะ เพราะย่าต้องอยู่บ้านเป็ดกักตัว แล้วค่อยๆ พูด แต่หลังจากนั้นหนึ่งวัน พ่อถามบิ๋มว่า “ยายล่ะบิ๋ม” บิ๋มเลยบอกว่า “ยายหายแล้ว เหลือแต่ตา ตาอย่าดื้อกับหมอนะ หมอสั่งให้นอนคว่ำก็นอนคว่ำนะ” แต่ไม่รู้ว่าเป็นความผูกพันของมนุษย์หรือเปล่า เพราะพ่อไม่ยอมนอนคว่ำอะไรเลย ดึงสายดึงอะไรออก จนต้องโทรไปดุว่าอย่าดึงได้ไหม ช่วยเชื่อหมอได้ไหม เพราะอีก 2 วันพ่อก็จะได้ออกจากโรงพยาบาล พ่อจะหายอยู่แล้ว จนกระทั่งวันที่ 5-6 พ่อพูดกับคนชื่อจำปาแม่บ้านที่ดูแลว่า “โทรบอกย่านะให้มารับปู่” พอได้ยินก็รู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เหมือนเขาจะไปด้วยกันหรือเปล่า เพราะพ่อเป็นคนพูดเอง หลังจากนั้นพ่อก็ไม่รับอะไรทั้งสิ้น ปกติเจาะเลือดก็จะร้องโอ้ยว่าเจ็บ รอบนี้ไม่ร้องไม่อะไรเลย จนสุดท้ายหมอโทรมาวันที่ 8 บอกว่าคุณเป็ดจะเอายังไง ต่อท่อก็ไม่มีประโยชน์ เพราะท่านอายุ 94 ท่านเหนื่อยแล้วเราปล่อยไปไหม ออกซิเจนต่ำลงมากก็เลยปล่อยให้ไปตามธรรมชาติ เพราะถ้าต่อท่อก็จะเจ็บ แม้ว่าไม่ทันแต่ตนไปทำบุญให้พ่อกับแม่ล้างทุกอย่างเชื่อว่าเจ้ากรรมในเวรก็จะส่งพ่อขึ้นสวรรค์ได้”

ตอนนั้นแอบหวังปาฏิหาริย์ไหม ? “อยากให้เกิดปฏิหาริย์ นอนคิดทุกอย่าง คนอื่นเขาไปด้วยผ้าคลุมสีขาว แต่นี่ใส่ห่อพลาสติกรูดซิป 2-3 ชั้น แตะต้องก็ไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์กราบลา ทำอะไรก็ไม่ได้ มันโหดร้ายมาก เห็นรถบรรทุกร่างพ่อแม่คือช็อตเดียวกัน เหนื่อยที่จะต้องเสียน้ำตา เห็นรถถอยมาเห็นภาพเดิมๆ ก็ไม่ไหว คิดถึงพ่อ ชาตินี้ตอนเด็กๆ เราจน ชาติหน้าจนกว่านี้ก็จะเกิดเป็นลูกพ่อแม่ให้ได้”

คำพูดสุดท้ายระหว่างทำพิธีฌาปนกิจ ? “บอกพ่อแม่ไปรอผมที่นั่นนะ ถามว่าทำใจได้ไหมกับการสูญเสีย ถ้าเสียด้วยอายุขัยทีละคนไม่เป็นไร แต่เสียด้วยโรคร้ายทั้งที่อยู่แต่ในบ้าน ฝากทุกคนให้ดูแลตัวเอง คนที่ดูแลคนสูงวัยต้องระวังให้มากที่สุด ทุกคนต้องช่วยกัน ไม่อยากให้เกิดกับคนสูงวัย คนที่สูญเสียความรู้สึกไม่ต่างกับตน”

“ผมจะทดแทนพ่อแม่ บ่อน้ำตาที่เสียไป ผมจะทำทุกอย่างให้เขามีความสุขที่สุด วันเกิดผมวันที่ 8 แม่โทรมาว่า เป็ดลูกอายุ 67 แล้วนะ วันนี้วันเกิดลูกแม่จะให้พรลูก ขอให้ลูกสุขภาพแข็งแรง ขอให้ไม่จน ไม่เจ็บป่วย แบบนี้ทุกปี มันทรมาน ปีหน้าใครจะอวยพรผม ผมอยากจะล้างเท้าใคร จะมีโอกาสไหม ตอนเด็กๆ ส่วนใหญ่ตนอยู่กับแม่สนิทกับแม่ เพราะพ่อทำงาน พ่อแม่เป็นนักดนตรีเป็นนักร้อง คิดถึงแค่ไหนบอกไม่ได้มันอยู่ในหัวใจ”

ตลอด 70 ปี รู้สึกไหมนี่คือคู่แท้ ? “7 วันสวดแม่เสร็จ น้ำตาไม่ทันแห้งพ่อเสีย ทำให้รู้สึกว่ามันคือที่สุด มันใกล้เคียงกันมาก เราเจ็บปวด”

ถ้าปกติเราเสียใจ ท่านจะสอนยังไง ? “แม่เป็นคนมีระเบียบจะสอนว่าต้องเป็นคนดี อย่าเกเร พ่อไม่ค่อยสอนเพราะทำงาน ถ้าตอนนี้ท่านคงบอกว่า ไม่เป็นไรนะเป็ด แม่อยู่กับพ่อแล้วไม่ต้องห่วง”

มาเข้าฝันไหม ? “ไม่มาหา แต่ไปหาแม่บ้าน ฝันเห็นนั่งกินข้าวโต๊ะประจำ ย่าบอกอยากกินสาลี่กับแอปเปิ้ล ปู่อยากกินกล้วย ก็ซื้อทำบุญ”

มีแพลนอะไรทำให้พ่อแม่แต่ยังไม่ทำไหม ? “อยากนั่งดูเขามีความสุข พาไปดูบอลต่างประเทศ พาแม่เที่ยวต่างประเทศ ปกติพาไปหมดทุกที่ แต่ตอนหลังท่านไปไม่ไหว อยากตอบแทนมันคือความสุข เท่าที่ลูกจะทำได้ อยากกินอะไรก็พาไปกิน”

อยากฝากบอกอะไรไหม ? “อยากขอบคุณทุกคน ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคน ที่เป็นเกียรติในงาน ขอบคุณพวงหรีด เงินทำบุญ เงินทั้งหมดเก็บไว้จะไปสร้างพระประธานแถวอยุธยาให้พ่อแม่ ใกล้ๆลูกหลานเพื่อทุกคนไปกราบได้ทุกปี”

ที่มา .khaosod