บิ๊กตู่ บ่นกลางครม. ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเล่นการเมือง ลั่นพวกคุณจะทิ้งผมก็ตามใจ เผยครม.ถกเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิดกลับภูมิลำเนา ให้รมต.-ส.ส.-เครือข่ายทำได้

วันที่ 20 ก.ค.64 แหล่งข่าวจากที่ประชุมครม.เผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 ก.ค.64 ซึ่งเป็นการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศ หลังเริ่มมาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่ 13 จังหวัด

โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข รายงานให้ที่ประชุมรับทราบถึงสถานการณ์การครองเตียงผู้ป่วยในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เริ่มรับไม่ไหว เนื่องจากมีผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น จึงเสนอแนวคิดการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลับไปรักษาตัวที่ภูมิลำเนา พร้อมเสนอให้รัฐมนตรีแต่ละคนดูความพร้อมในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ของตัวเอง โดยรัฐมนตรีหลายคนเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ระบุว่าพร้อมดูแลเรื่องการส่งผู้ป่วยไปรักษาที่ภูมิลำเนาในส่วนของ จ.บุรีรัมย์ รวมถึงจังหวัดในอีสานใต้ ส่วนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ แสดงความเห็นว่า ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีรถมูลนิธิร่วมกตัญญูอยู่สามารถใช้ในการเคลื่อนย้ายส่งกลับภูมิลำเนาได้

ขณะที่นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กล่าวกับที่ประชุมว่า ปัจจุบันมีรถการแพทย์ฉุกเฉินของท้องถิ่นอยู่สามารถนำมาใช้ตรงนี้ได้ อย่างไรก็ตาม นายศักดิ์สยาม แจ้งว่ากระทรวงคมนาคมพร้อมรับผิดชอบเรื่องระบบขนส่ง การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทั้งหมด

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ขัดข้องกับแนวคิดดังกล่าว เพราะงบประมาณมีเพียงพอ และมอบหมายให้ นายอนุทิน เป็นผู้รับผิดชอบ โดยสั่งการให้สาธารณสุขจังหวัดประสานงานกับรัฐมนตรีแต่ละคนต่อไป โดยย้ำว่าต้องมีการหารือจนได้ข้อสรุปภายใน 1-2 วันนี้ และต้องดูขีดความสามารถของแต่ละพื้นที่ รวมถึงสิ่งสำคัญที่สุด ต้องให้ความสำคัญกับประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก ต้องสอบถาม หรือสื่อสารทำความเข้าใจให้ชัดเจนก่อนที่จะตัดสินใจตั้งโรงพยาบาลสนามในแต่ละพื้นที่ โดยอย่าไปสร้างกลางชุมชน

แหล่งข่าวเผยอีกว่า ในที่ประชุมยังพูดถึงการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในปัจจุบัน โดยนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แสดงความเห็นตอนหนึ่งว่า ควรฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาให้ประชาชน 10 ล้านโดสต่อเดือน ทำให้นายอนุทินชี้แจงว่า ประสิทธิภาพในการฉีดนั้นสามารถฉีดได้ แต่เราได้รับวันซีนแอสตาเซเนกาไม่ถึง 10 ล้านโดสต่อเดือน ทำให้กระทรวงสาธารณสุขต้องหาวัคซีนชนิดอื่นมาฉีดให้ประชาชนให้ได้ตามจำนวนดังกล่าว

นายจุติจึงเสนอว่า จำเป็นต้องสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนที่ยังมีความสงสัยในวัคซีนซิโนแวคอยู่ แม้หมอจะบอกว่าเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพก็ตาม นายอนุทินจึงชี้แจงอีกครั้งว่า วัคซีนแอสตราเซเนกามีแผนจัดส่งให้ประเทศไทยทุกเดือดจนครบตามจำนวน 61 ล้านโดส แต่ต้องหารือกันว่าแต่ละเดือนจะส่งได้เท่าไหร่อย่างไร แต่เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดเปลี่ยนแปลงมีการกระจายเชื้อเร็วยิ่งขึ้นก็ต้องไปคุยกับเขาเชื่อว่าคงคุยกันได้ และกระทรวงสาธารณสุขมองว่าวัคซีนทุกชนิดที่มี มีประสิทธิภาพ เพราะองค์การอนามัยโลกให้การรับรอง เราจึงไม่ควรด้อยค่าวัคซีนกันเอง ขอให้ดูประเทศจีนที่ใช้ซิโนแวคและชิโนฟาร์มเป็นส่วนใหญ่ และการด้อยค่าวัคซีนเป็นเจตนารมณ์ของผู้ไม่หวังดี

แหล่งข่าวระบุเพิ่มเติมว่า ระหว่างการประชุมมีช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความหงุดหงิด หลังเห็นคำถามของผู้สื่อข่าวที่ส่งเข้ามา พร้อมอ่านแต่ละคำถามที่ส่งมาให้ที่ประชุมได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นคำถามที่ว่า แพะรับบาปเรื่องการจัดหาวัคซีน พรรคร่วมรัฐบาลลอยตัว การเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากครม. นายกฯโดดเดี่ยว

โดยระหว่างอ่านพล.อ.ประยุทธ์ได้บ่นเรื่องคำถามผู้สื่อข่าวว่า “ดูแต่ละคำถาม ถามแบบนี้จะให้ตอบอย่างไร ผมไม่ได้ทำงานคนเดียว เราทุกคนช่วยกันทำงาน ผมไม่คิดว่าเป็นเวลาของการเล่นการเมือง ถ้าท่านจะออกจากผมก็แล้วแต่ ผมก็จะทำงานของผมต่อไป ผมไม่ทิ้งคุณ พวกคุณจะทิ้งผมก็ตามใจ”

ที่มา khaosod