กอปภ.ก. ประสาน 19 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก คลื่นลมแรง 24-26 ก.ค.นี้

วันที่ 24 ก.ค.2564 นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฐานะผู้อำนวยการกลาง กล่าวว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) ได้ติดตามสภาพอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับ กรมอุตุนิยมวิทยา ได้มีประกาศฉบับที่ 20 (119/2564) แจ้งว่า พายุดีเปรสชัน “เจิมปากา” บริเวณชายฝั่งสาธารณรัฐสังคมเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย

ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน ตั้งแต่ จ.พังงาขึ้นไปมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร กอปภ.ก.โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสาน 19 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และคลื่นลมแรงในช่วงวันที่ 24-26 ก.ค.นี้ แยกเป็นสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก 16 จังหวัด ได้แก่ เลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ และ อุบลราชธานี สถานการณ์คลื่นลมแรง 3 จังหวัด ได้แก่ ระนอง (อ.เมืองระนอง อ.กะเปอร์ และอ.สุขสำราญ), พังงา (อ.เกาะยาว อ.ตะกั่วป่า อ.ตะกั่วทุ่ง อ.คุระบุรี และอ.ท้ายเหมือง) และ ภูเก็ต (อ.เมืองภูเก็ต อ.กระทู้ และอ.ถลาง)

นายบุญธรรม กล่าวต่อว่า รวมถึงสั่งการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยในช่วงดังกล่าว โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน พร้อมวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงและแนวโน้มสถานการณ์ภัยต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัย ทั้งที่ลาดเชิงเขา พื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่ชุมชนเมือง พร้อมจัดชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) รถปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยประสานการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานพลเรือน ทหาร ตำรวจ เครือข่ายอาสาสมัคร และจิตอาสาเตรียมพร้อมทรัพยากรให้พร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที

รวมทั้งแจ้งเตือนภัยให้เข้าถึงประชาชนรวดเร็วและทั่วถึง โดยใช้อุปกรณ์เตือนภัยในพื้นที่ ทั้งหอเตือนภัย หอกระจายข่าว และเครื่องรับสัญญาณเตือนภัยผ่านดาวเทียม อีกทั้งสร้างการรับรู้และแจ้งเตือนประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยผ่านทุกช่องทาง ทั้งสื่อสังคมออนไลน์ วิทยุชุมชน หอเตือนภัย และหอกระจายข่าว ตลอดจนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปิดสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด

สำหรับพื้นที่ชายฝั่งทะเลให้เข้มงวดมาตรการความปลอดภัยทางทะเล โดยเพิ่มการติดตั้งสัญญาณแจ้งเตือนภัยบริเวณชายฝั่งทะเล ห้ามการลงเล่นน้ำและประกอบกิจกรรมทางทะเลในช่วงที่คลื่นลมแรง อีกทั้งห้ามการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและคลื่นลมแรง เรือเล็กหรือเรือดาดฟ้าเปิดควรกลับเข้าฝั่งโดยเร็วหรืองดออกจากฝั่ง

ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และแอพพลิเคชัน “พ้นภัย” รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

ขอบคุณข้อมูล : khaosod.co.th