เกิดเหตุสลดซ้ำรอยที่สมุทรปราการ หญิงวัย 43 ปี ติดโควิดพร้อมสามี ซึ่งสามี บริษัทที่ทำงานพาไปตรวจและส่งไปรักษา ส่วนภรรยาพยายามไปขอตรวจที่ รพ. แต่ไม่มีที่ไหนตรวจให้ กลับมาต้มสมุนไพรกินเอง โดยกันลูกสาววัย 7 ขวบออกห่าง แต่สุดท้ายนอนตายคาห้อง ส่วนศพสาวลูกสองเผาแล้วในช่วงบ่ายวันเดียวกัน
เวลา 22.00 น.วันที่ 27 กรกฎาคม ร.ต.อ.นครินทร์ จำปานิล รองสารวัตรสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีหญิงเสียชีวิตภายในห้องพักชั้น 8 ห้องที่ 1099 / 277 อาคาร ชุดชื่อดังแห่งหนึ่งในย่านถนนเทพารักษ์ หมู่ 3 ถนนเทพารักษ์ ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการฉุกเฉินพิเศษตอบโต้ โควิด-19 เทศบาลนครสมุทรปราการ และมูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ เดินทางเข้าตรวจสอบ
ที่บริเวณหน้าอาคารดังกล่าวได้พบเด็กหญิงมณีรัตน์ หรือน้องพลอย อายุ 7 ขวบ ลูกสาวของผู้เสียชีวิตนั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าอาคารดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้พาขึ้นไปนั่งรอบนรถ โดยน้องพลอย เล่าว่า พ่อของตนไม่อยู่พ่อบอกว่าไม่สบายจะไปอยู่ที่โรงพยาบาลโดยสะพายกระเป๋าออกไปด้วย ปล่อยให้ตนอยู่กับแม่เพียงสองคน และเมื่อเช้าตนตื่นนอนมาไปเรียกแม่จะให้ต้มมาม่าให้หนูกิน แต่แม่ก็ไม่ยอมตื่นไม่ยอมพูด ปกติหนูเรียกแม่ แม่จะตื่น แต่วันนี้แม่ไม่ยอมตื่นเลย และแม่ก็ไม่ยอมคุยกับหนูตั้งแต่ตอนเช้าจนถึงตอนนี้
ขณะที่สอบถามน้องพลอยอยู่ ญาติที่อยู่จังหวัดอุบลราชธานี ได้โทรศัพท์เข้ามาที่โทรศัพท์ของน้องพลอย พร้อมทั้งให้ข้อมูลว่า พ่อของน้องพลอย ติดโควิด ถูกส่งไปกักตัวตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่าน เขาทำงานอยู่ที่ฮอนด้า และติดโควิด ถูกส่งไปกักตัวที่โรงแรม ส่วนแฟนเขา คิดว่าติดโควิดเหมือนกันเพราะผัวติดเมียก็ต้องติดด้วย เพราะเขาไปขายพวกผ้าปิดปากพวกน้ำยาแอลกอฮอล์ตามตลาดนัด โดยก่อนหน้านี้เขาโทรมาบอกว่าพี่เขยติดโควิด ซึ่งเขาเองก็ไปหาที่ตรวจตามโรงพยาบาลหลายแห่ง แต่หมอไม่ยอมให้ตรวจ ขณะที่สามีทำงานอยู่บริษัทเขาเลยได้ตรวจ และพบเชื้อจึงถูกส่งไปกักตัวที่โรงแรมในย่านหัวลำโพง
หลังทราบข้อมูล เจ้าหน้าที่จึงต้องสวมชุดป้องกันการติดเชื้อ PPE พร้อมมูลนิธิที่สวมชุดป้องกันขึ้นไปตรวจสอบภายในห้องที่เกิดเหตุโดยมีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อตลอดเวลาขณะเข้าตรวจสอบ ภายในห้องพบร่างไร้วิญญาณของนางมยุรี กะรัตน์ อายุ 43 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บนที่นอน ในห้องเต็มไปด้วยข้าวของวางกระจัดกระจาย ที่ปลายเท้าพบกระทะไฟฟ้าซึ่งมีการต้มสมุนไพรไว้ในกระทะ ใกล้กันยังพบห่อยาหลากหลายชนิดทั้งยาแก้ไอยาแก้อักเสบ ยาแก้ปวดอย่างแรงและยาอื่นๆ อีกหลายห่อวางกองอยู่ รวมทั้งถ้วยชามที่วางกอง ลักษณะคล้ายว่าผู้เสียชีวิตรู้ตัวว่าตัวเองติดโควิด จึงพยายามหายามากินและสูดดมสมุนไพรต้มเพื่อฆ่าเชื้อ โดยกักตัวเองอยู่ในห้อง ให้ลูกสาวออกมานอนที่ด้านนอกซึ่งเป็นห้องรับแขก เจ้าหน้าที่มูลนิธิจึงได้ทำการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อก่อนนำร่างผู้เสียชีวิตบรรจุลงในถุงซิปล็อก 3 ชั้น นำส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวช
ที่บริเวณหน้าอาคารดังกล่าวได้พบเด็กหญิงมณีรัตน์ หรือน้องพลอย อายุ 7 ขวบ ลูกสาวของผู้เสียชีวิตนั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าอาคารดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้พาขึ้นไปนั่งรอบนรถ โดยน้องพลอย เล่าว่า พ่อของตนไม่อยู่พ่อบอกว่าไม่สบายจะไปอยู่ที่โรงพยาบาลโดยสะพายกระเป๋าออกไปด้วย ปล่อยให้ตนอยู่กับแม่เพียงสองคน และเมื่อเช้าตนตื่นนอนมาไปเรียกแม่จะให้ต้มมาม่าให้หนูกิน แต่แม่ก็ไม่ยอมตื่นไม่ยอมพูด ปกติหนูเรียกแม่ แม่จะตื่น แต่วันนี้แม่ไม่ยอมตื่นเลย และแม่ก็ไม่ยอมคุยกับหนูตั้งแต่ตอนเช้าจนถึงตอนนี้
ขณะที่สอบถามน้องพลอยอยู่ ญาติที่อยู่จังหวัดอุบลราชธานี ได้โทรศัพท์เข้ามาที่โทรศัพท์ของน้องพลอย พร้อมทั้งให้ข้อมูลว่า พ่อของน้องพลอย ติดโควิด ถูกส่งไปกักตัวตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่าน เขาทำงานอยู่ที่ฮอนด้า และติดโควิด ถูกส่งไปกักตัวที่โรงแรม ส่วนแฟนเขา คิดว่าติดโควิดเหมือนกันเพราะผัวติดเมียก็ต้องติดด้วย เพราะเขาไปขายพวกผ้าปิดปากพวกน้ำยาแอลกอฮอล์ตามตลาดนัด โดยก่อนหน้านี้เขาโทรมาบอกว่าพี่เขยติดโควิด ซึ่งเขาเองก็ไปหาที่ตรวจตามโรงพยาบาลหลายแห่ง แต่หมอไม่ยอมให้ตรวจ ขณะที่สามีทำงานอยู่บริษัทเขาเลยได้ตรวจ และพบเชื้อจึงถูกส่งไปกักตัวที่โรงแรมในย่านหัวลำโพง
หลังทราบข้อมูล เจ้าหน้าที่จึงต้องสวมชุดป้องกันการติดเชื้อ PPE พร้อมมูลนิธิที่สวมชุดป้องกันขึ้นไปตรวจสอบภายในห้องที่เกิดเหตุโดยมีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อตลอดเวลาขณะเข้าตรวจสอบ ภายในห้องพบร่างไร้วิญญาณของนางมยุรี กะรัตน์ อายุ 43 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บนที่นอน ในห้องเต็มไปด้วยข้าวของวางกระจัดกระจาย ที่ปลายเท้าพบกระทะไฟฟ้าซึ่งมีการต้มสมุนไพรไว้ในกระทะ ใกล้กันยังพบห่อยาหลากหลายชนิดทั้งยาแก้ไอยาแก้อักเสบ ยาแก้ปวดอย่างแรงและยาอื่นๆ อีกหลายห่อวางกองอยู่ รวมทั้งถ้วยชามที่วางกอง ลักษณะคล้ายว่าผู้เสียชีวิตรู้ตัวว่าตัวเองติดโควิด จึงพยายามหายามากินและสูดดมสมุนไพรต้มเพื่อฆ่าเชื้อ โดยกักตัวเองอยู่ในห้อง ให้ลูกสาวออกมานอนที่ด้านนอกซึ่งเป็นห้องรับแขก เจ้าหน้าที่มูลนิธิจึงได้ทำการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อก่อนนำร่างผู้เสียชีวิตบรรจุลงในถุงซิปล็อก 3 ชั้น นำส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวช
นพ.พิเชษฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางพลี กล่าวว่า ผลการตรวจสอบหาเชื้อของเด็กทั้งสองพบว่าอยู่ในขั้นสีเขียว คือยังไม่ลงปอด และสภาพจิตใจขณะนี้ค่อนข้างที่จะดีขึ้นแล้ว และได้เอกซเรย์ปอดของเด็กทั้ง 2 คนไม่มีปัญหา ส่วนของคุณลุงข้างบ้านมีจุดที่ปอดนิดหน่อย แต่ยังโชคดีที่คุณลุงได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว
ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐออนไลน์