บิ๊กตู่ ถกจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มและควบคุมสูงสุด 12 จังหวัด ยกเว้น กทม. หวัง สถานการณ์จะดีขึ้น 4-6 สัปดาห์ ด้าน”อนุทิน”ยัน ตั้งแต่ ส.ค.หาวัคซีนจะได้เฉลี่ย 10 ล้านโดสต่อเดือน เฉลี่ยฉีดได้วันละ 1 ล้านโดส

เมื่อเวลา 13.00น.วันที่ 28 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรึ และ รมว.กลาโหม ใน.ฐานะ ผอ.ศบค.เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มและควบคุมสูงสุด 12 จังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานคร ผ่านระบบแอพพลิเคชั่น ZOOM จากบ้านพัก ภายในกรมทราบราบ มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หรือ (ร.1 ทม.รอ.)

โดยมีผู้เข้าร่วม ประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสีแดงเข้ม 12จังหวัด ประกอบด้วย ปทุมธานี ชลบุรี นนทบุรี นครปฐม สมุทรสาคร พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ ปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสงขลา เพื่อหารือถึงสถานการณ์ และความพร้อมของแต่ละจังหวัด โดย นายกรัฐมนตรีได้ย้ำให้จังหวัดนำเสนอปัญหา ข้อติดขัด เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที รวมทั้งเฝ้าระวังการระบาดข้ามจังหวัด อีกทั้งแต่ละจังหวัดต้องเพิ่มเตียงให้เพียงพอ โดยมีภาคส่วนต่างๆเข้าร่วมสนับสนุน

ทั้งนี้ ในที่ประชุม ผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัดได้รายงานผลสถานการณ์การรับมือและการเตรียมพร้อมรวมทั้งแนวทางในการป้องกันการแพร่ระบาด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรารายงานว่าจำเป็นต้องใช้ ระบบ bubble and seal โรงงานและแคมป์แรงงาน ซึ่งคลัสเตอร์โรงงานเป็นแหล่งระบาดหนัก และมีคนงานข้ามจังหวัดมา เช่น สมุทรปราการ ต้องใช้มาตรการฉีดวัคซีน จัดหาที่พัก จนไปถึงระดับสูงสุดคือปิด 14 วัน ซึ่งที่ประชุมเห็นพ้องว่าจังหวัดที่มีความเสี่ยงในเรื่องของโรงงานให้ใช้ระบบ bubble and seal ในการป้องกัน

นอกจากนี้ ที่ประชุมเน้นย้ำถึงการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี Antigen Test Kit หรือ ATK เพื่อความรวดเร็ว ถ้าผลบวก ก็เข้าสู่การรักษา โดยต้องไปตรวจแบบ สามารถเข้าถึงการรักษาเช่นเดียวกับการตรวจด้วย RT-PCRอีกรอบ ด้านกระทรวงสาธารณสุข รายงานแนวโน้มส่วนใหญ่ผู้ป่วยเหลืองไปสู่สีแดงเพิ่มสูงขึ้นจึงจำเป็นต้องมี เตียง วัคซีน และระบบการตรวจที่เพียงพอ

ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวแสดงความกังวลถึงสถานที่ตรวจโควิดของเอกชน ซึ่งเมื่อตรวจแล้วหลายแห่งไม่ทำอะไรต่อ จึงมอบนโยบายให้ไปแก้ปัญหา นอกจากนี้ยังสั่งการให้เพิ่มเตียงผู้ป่วยสีแดง โดยสั่งการให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย บูรณาการงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการดำเนินการ

ทั้งนี้ ระหว่างการหารือ นายกรัฐมนตรีถามที้ประชุมว่า 2-3 วันนี้ มีพื้นที่ไหนการแพร่ระบาดลดลงมาบ้าง ซึ่งไม่มีผู้ว่าราชการจังหวัดใดตอบคำถาม พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวย้ำว่า ต้องเสนอกันว่าปัจจุบันหายกลับบ้านจำนวนเท่าไหร่ จะโยงไปว่าเตียงก็ต้องว่าง แล้วจะได้เชื่อมโยงในการรับผู้ป่วยใหม่เข้ามาแทนที่

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังให้แต่ละจังหวัดประเมินสถานการณ์ แต่ละสัปดาห์ ด้วย โดยแสดงความเป็นห่วงบรรดาหมู่บ้านจัดสรรต่างๆ สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลและสำรวจประชากรในหมู่บ้านนั้นๆ รวมทั้งแนะนำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์แก้ปัญหา พูดคุยกัน จะได้นำผลสำเร็จไปจัดการแก้ไขปัญหาให้เกิดผลเป็นรูปธรรมบ้าง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวชื่นชมการทำงานที่ไม่มีข้อขัดแย้งกับ ศบค.สาธารณสุขจังหวัด ทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น แต่ละภารกิจมีคณะกรรมการรับผิดชอบ นำเสนอ ศบค.และ ผอ .ศบค .ตัดสินใจ ถือเป็นขั้นตอน “ผมหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้น 4-6 สัปดาห์ จากหลักฐานทางการแพทย์ในปัจจุบันแต่ยอมรับว่าเป็นห่วงการใช้ ATK ของประชาชน ว่ามีความเข้าใจการใช้มากนัอยขนาดไหน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ในส่วนของงบประมาณ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากขาดงบประมาณ เช่นในเรื่องการเพิ่มเตียง อุปกรณ์การแพทย์ ให้เสนอเข้ามาได้ทันที ในส่วนการดำเนินงานของ Call center ศูนย์พักคอย ชุดตรวจหาผู้ป่วยในพื้นที่ Hospitel, CI ,HI ,รพ.สนาม ขอให้ทำผังให้เข้าใจ วัคซีนจะกระจายไปยังจังหวัดและ สาธารณสุขจังหวัดดำเนินการจัดสรร นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงเรื่องของตลาด หากปิดแล้วจะช่วยประชาชน และผู้ค้าอย่างไร ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีมาตรการต้องใช้อะไร ต้องให้ทำมาหากินได้ สำหรับยาฟาวิพิราเวียร์จะจ่ายไปทุกจังหวัดไม่ขาดแน่นอน

ด้านนายอนุทิน กล่าวยืนยันว่า การจัดหาวัคซีนจะได้เฉลี่ย 10 ล้านโดสต่อเดือน ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป เฉลี่ยฉีดได้วันละ 1 ล้านโดส โดยกระจายไปทุกพื้นที่ตามเป้าหมายตามที่ ศบค.มอบหมาย ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวสรุปถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคอาจจะยังไม่ดีขึ้นในเร็ววัน แต่เราจะพยายามควบคุม ให้ดีที่สุด ให้ดูสถานการณ์โลกด้วย จะเข้าใจยิ่งขึ้น

ที่มา : khaosod