หมอทศพรจี้ รพ.ภูมิพลฯ ‘ไฟเซอร์’ ไม่ถึงด่านหน้า บุคลากรแฉเอง เงื่อนไขกีดกัน รายชื่อผิดปกติ ทั้งใส่ตัวเลขแทนชื่อ เปลี่ยนคำนำหน้า ชื่อซ้ำ
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 14 ส.ค.64 ที่ รพ.ภูมิพลฯ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เดินทางมาพบกลุ่มแพทย์พยาบาลเพื่อมวลชน นักศึกษา ประชาชน หลังได้รับเรื่องร้องเรียนการจัดการวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับบุคลากร แพทย์ พยาบาล ในโรงพยาบาลดังกล่าวไม่ถึงมือเจ้าหน้าที่ด่านหน้าใน รพ.ดังกล่าว
นพ.ทศพร เปิดเผยว่า หลังได้รับเรื่องร้องเรียนบุคคลากรด่านหน้ามีความเคลือบแคลงสงสัย กรณีการจัดสรรบุคลากรทางการแพทย์ตั้งแต่ได้รับวัคซีนมา โดยตอนแรกประกาศรายชื่อมา สามารถตรวจสอบมีการจัดทำรายชื่อหลายร้อยคน ทำงานหน่วยงานไหน มีวันเดือนปีเกิดระบุ แต่กลับมีรายชื่อเพิ่มขึ้นมา ทำงานหน่วยงานที่เป็นนักศึกษาแพทย์จบไปแล้ว ทำงานหน่วยงานอื่น บุคลากรที่เกษียณไปแล้ว เป็นต้น
นพ.ทศพร กล่าวต่อว่า พนักงานทุกคนในโรงพยาบาลควรได้รับวัคซีนทั้งหมด แต่บุคลากรด่านหน้าควรได้รับวัคซีนก่อน อย่างไรก็ตาม อยากให้การจัดวัคซีนไม่ใช่เฉพาะแค่โรงพยาบาลนี้ อยากให้ทุกโรงพยาบาลจัดสรรวัคซีนให้โปร่งใส่ ให้ตัวแทนแต่ละแผนกในโรงพยาบาลมาหารือการจัดสรรวัคซีนให้เกิดความโปร่งใส ไม่ใช่การงุบงิบทำ หรือมีบุคคลวีวีไอพีได้ก่อน ยังมีอีกหลายโรงพยาบาลที่มีลักษณะไม่ชอบมาพากลเช่นนี้ ทั้งนี้ วัคซีนได้รับบริจาคมานั้น 1.5 ล้านโดส แต่กลับจัดสรรไม่เพียงพอกับบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยโควิด ประชาชนทั่วไปต้องการให้หมอ-พยาบาลด่านหน้าได้รับวัคซีนก่อน แต่กลับเกิดปัญหาขึ้นมา
ด้านตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์ กล่าวว่า ประเด็นต่อมาผู้ที่ได้รับวัคซีนจะต้องเป็นบุคคลที่ทำงานในด่านหน้า คัดกรอง อยู่แผนกไอซียู ภายหลังมีการตั้งเกณฑ์ขึ้นมาใหม่ ทำให้พยาบาลด่านหน้าตัวจริงรายชื่อตกหล่นเกินกึ่งหนึ่ง โดยมีเงื่อนไขต่างๆ กีดกันออกไป เช่น ฉีดซิโนแวค 2 เข็มถึงได้ฉีด ฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 1 เข็มไม่ได้รับการพิจารณา ทำให้วัคซีนเหลือ จึงมีการตั้งข้อสงสัยว่าเอาวัคซีนให้ใคร ที่ผ่านมาได้สอบถามไปยังผู้บังคับบัญชาแต่ไม่ได้รับคำตอบ อยากให้มีการตรวจสอบว่ารายชื่อที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์เป็นบุคคลากรด่านหน้าหรือไม่ หรือไม่ใช่บุคลากรที่นี่
ตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์ กล่าวอีกว่า เรารวบรวมรายชื่อเป็นแผนก 100-200 คน จากทั้งหมด 800 คน หมอ พยาบาล เวรเปล แม่บ้าน โดย รพ.ภูมิพลฯ ได้รับการจัดสรร 1,680 โดส จากที่เคยขอให้กระทรวงสาธารณสุขไป 3,000 โดส จากการตรวจสอบบัญชีรายชื่อพบว่า มีทั้งหมด 1,611 รายชื่อ ฉีดให้วันที่ 13-14 ส.ค. เมื่อตรวจสอบรายชื่อดังกล่าว กลับพบว่ามีความผิดปกติรายชื่อซ้ำ เปลี่ยนคำนำหน้าชื่อ และใช้สัญญลักษณ์ตัวเลขเป็นชื่อบุคคล 172 รายชื่อ แทนที่จะเรียงลำดับความสำคัญ ไปเรียงลำดับตามตัวอักษรทำให้บุคลากรด้านหน้าไม่ได้รับการพิจารณา
ส่วนเหตุผลที่ออกมาเปิดเผยนั้น เพราะต้องการให้สังคมรับรู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้จริง และไม่มีอะไรจะเสียแล้วจึงยอมดับเครื่องชน เพราะเป็นสิทธิ์ที่ควรได้ โดยไม่ยอมฉีดวัคซีนที่ได้รับการจัดสรร แต่ยอมเสียเงินจองวัคซีนทางเลือก ทั้งที่เป็นด่านหน้าผู้ดูแลผู้ป่วยโควิด
ภาพ ข่าวสด
ที่มา khaosod