ศบค.ประเมินสถานการณ์ ล็อกดาวน์ทำลดป่วยได้ 20% เพิ่มมาตรการตรวจ ATK พนักงานรัฐ/เอกชน ผู้ค้า แรงงานในตลาดทุกสัปดาห์ หน่วยงานเกิน 50 คน ต้องมีที่แยกกัก Company Isolation
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 16 ส.ค.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 แถลงภายหลังการประชุม ศบค. ว่า กรณีการประเมินผลและการปรับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ว่า ที่ประชุม ท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้พูดถึงการประเมินผลและการคาดการณ์ ซึ่งจะมีเป็นกราฟฉากทัศน์ โดยเราเริ่มล็อกดาวน์เมื่อประมาณกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งนำมาพิจารณาเปรียบเทียบกับฉากทัศน์ที่คาดการณ์กัน
เส้นกราฟที่ป่วยสูงสุดกรณีไม่มีมาตรการใดๆ ผู้ป่วยอาจแตะถึง 6-7 หมื่นในเดือนหน้า แต่กรณีมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ work from home ปิดสถานที่เสี่ยง ลดค่า R หรือการระบาดได้ 20% ซึ่งหากมาตรการนี้ประกาศถึงวันที่ 31 ส.ค. เส้นกราฟจะนิ่งและไปโด่งที่ปลายเดือนตุลาคมจนต่อพฤศจิกายน แต่หากมาตรการเข้มถึง 25% ก็จะกดเคิร์ฟลดลงไปได้ถึงปลายเดือนกันยายน แต่หากตุลาคมมีการระบาดก็อาจตัวเลขเพิ่ม ซึ่งปัจจุบันเราใช้ฉากทัศน์ที่ประกาศถึงสิ้นเดือนนี้
สำหรับมาตรการ และการจัดการองค์กร 1. ทดสอบ ค้นหา และแยกกัก อย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มการค้นหาผู้ติดเชื้อโดยใช้ ATK ใน กทม.และปริมณฑล เตรียมทีมเชิงรุก CCRT ให้เพียงพอ จัดระบบนำเข้าสู่การรักษาที่บ้านและชุมชน หรือ รพ.
2.มาตรการองค์กรสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เน้นทำงานที่บ้านอย่างต่อเนื่อง พนักงานของรัฐ/เอกชน ที่จำเป็นต้องมาปฏิบัติงาน ให้มีการคัดกรองด้วย ATK ทุกสัปดาห์ เพื่อให้มีความพร้อมก่อนคลายล็อกดาวน์ และเตรียม Company Isolation หรือที่แยกกักสำหรับหน่วยงานที่มีพนักงานเกิน 50 คน เตรียมพร้อมงานบุคลากรในการติดตามการคัดกรอง ATK และลงทะเบียนเข้าสู่ระบบการรักษาที่บ้านและชุมชน
3.มาตรการควบคุมโรคเฉพาะสถานที่ สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด คือ โรงงาน สถานประกอบการที่มีพนักงานเกิน 100 คน ดำเนินการ Bubble and Seal เต็มรูปแบบ , ตลาดค้าส่ง ตลาดขนาดใหญ่ให้คัดกรอง ATK ผู้ค้า แรงงานทุกสัปดาห์และสุ่มตรวจผู้มาใช้บริการเป็นระยะ