ฝนตกทั้งคืนที่สมุทรปราการ ประกอบกับน้ำในคลองมีระดับสูง ทำน้ำท่วมในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปู บางจุดสูงกว่า 1 เมตร หนักสุดในรอบหลายปี คนงานออกกะเดินลุยน้ำครึ่งเอว ต้องปิดการจราจรถนนสายหลักทางเข้านิคมฯ ใช้รถบรรทุก รถออฟโรดขนคนออกมา
วันที่ 29 ส.ค. 64 หลังจากที่มีฝนตกลงมาทั้งคืน ส่งผลให้หมู่บ้านและถนนหลายแห่ง ในพื้น จ.สมุทรปราการ น้ำเออท่วมสูง โดยเฉพาะในพื้นที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรม ในเขตส่งออก น้ำท่วมขังสูงกว่า 1 เมตร จนรถยนต์ทั่วไปไม่สามารถขับเข้าไปได้ ทางโรงงานรวมถึงเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ ปภ. และประชาชนจิตอาสา ได้นำรถออฟโรด รวมถึงรถบรรทุกขนาดใหญ่ ระดมกำลังเข้ามาช่วยเหลือขนถ่ายพนักงานที่ติดอยู่ภายในออกมาส่งบริถนนแพรกษา ซึ่งห่างจากจุดน้ำท่วมประมาณ 200 เมตร ขณะที่พนักงานบางคนที่เพิ่งออกจากกะ ต้องเดินลุยน้ำสูงถึงครึ่งเอวเดินออกมาอย่างทุลักทุเล
จากการลงพื้นที่สำรวจภายในเขตส่งออกนิคมอุตสาหกรรมบางปู ซึ่งเป็นจุดที่ท่วมสูงที่สุด ระดับน้ำอยู่ประมาณ 1 เมตร บางช่วงสูงถึง 1.5 เมตร พบว่าโรงงานหลายแห่งถูกน้ำท่วมจนข้าวของเสียหาย รถยนต์และรถจักรยานยนต์หลายคันที่ไม่สามารถออกมาได้ทัน จมอยู่ใต้น้ำ ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นเหตุน้ำท่วมใหญ่อีกครั้งของนิคมฯ บางปูในรอบหลายปี
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.บางปู ได้มาอำนวยความการจราจรบนถนนสายหลักที่เป็นทางเข้านิคมฯ ทั้งถนนสุขุมวิท ถนนพุทธรักษา และปิดการจราจรโดยเด็ดขาด ไม่ให้รถยนต์ทุกชนิดเข้าภายในนิคมฯ เพื่อป้องกันปัญหารถเสียและกีดขวางการจราจร ที่อาจส่งผลกระทบกับการเข้าปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
จากการสอบถามพนักงานที่ทำงานอยู่ภายในทราบว่า น้ำเริ่มเอ่อท่วมในช่วงประมาณตีหนึ่ง ก่อนจะไหลทะลักเข้าท่วมเต็นพื้นที่ในช่วงตีสาม ซึ่งนับว่าท่วมเร็วมากจนพนักงานที่เข้ากะพากันขับรถออกมาไม่ทัน ขณะทางด้านเจ้าหน้าที่นิคมอุตสาหกรรมบางปูเร่งระบายน้ำออก แต่ด้วยปริมาณน้ำในคลองสาธารณะที่มีปริมาณน้ำสูงเช่นกัน จึงทำให้ไม่สามารถระบายน้ำออกไปได้ จนขณะนี้ยังไม่มีวี่แววว่าน้ำจะลดลง
นอกจากนี้แล้วทั่วจังหวัดสมุทรปราการยังมีน้ำท่วมขังถนนสายหลักต่างๆ หลายสาย เกษตรกรบ่อปลาได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมบ่อปลาที่เลี้ยง ทำให้ปลาออกจากบ่อ ซึ่งเกษตรกรย่าน ต.บางปลา อ.บางพลี เล่าว่า อยู่มา 50 กว่าปี ไม่เคยมีระดับน้ำท่วมสูงเท่านี้มาก่อน เพราะอาศัยอยู่ใกล้คลอง ฝนตกหนักน้ำฝนก็ไหลลงคลองหมด แต่ครั้งนี้ น้ำในคลองมีระดับสูงมาหลายวันแล้ว จึงทำให้น้ำไหลระบายไม่ทัน.
ขอบคุณที่มา : ไทยรัฐ