ยอมรับเลยว่าผลงานของทัพ U19 ทีมชาติไทย เป็นการฉีกทุกความเชื่อ และแหวกทุกอย่างที่เราเคยเห็นมาของ วอลเลย์บอลชายทีมชาติไทย มาเลยก็ว่าได้
ด้วยฟอร์มการเล่นที่ไฉไล ไหลลื่น และระบบทีมเวิร์คที่ดี รวมถึงตัวผู้เล่นแต่ละคน สามารถลงสนามมาทดแทนกันได้หมด จึงนับว่าเป็นผลงานที่น่าเหลือเชื่ออย่างมากของน้อง ๆ ชุดนี้
ที่ผ่านมา เราคงต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า การดูเกมของ วอลเลย์บอลชาย ที่ไปเล่นในระดับนานาชาติ ล้วนแล้วแต่เป็นการชมที่ต้องลุ้นว่าวันนี้ จะเล่นเป็นแบบไหน ฟอร์มการเล่นจะออกมาดีหรือเปล่า จะได้เซตจากคู่แข่งหรือไม่ เจอทีมใหญ่ในเอเชีย จะสู้ไหวหรือเปล่า
ทว่าการเล่นของ U19 ทีมนี้ ทำให้เราต้องเปลี่ยนแปลงความคิดใหม่เกือบทั้งหมด
ย้อนความเล็กน้อย ยุวชน-เยาวชนทีมชาติไทย ในปี 2021 ได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันในวอลเลย์บอลชิงแชมป์โลก ทั้งหมด ด้วยหลายปัจจัย ทั้งการแข่งขันภายใต้โควิด-19 รวมถึงหลาย ๆ ชาติในเอเชีย ถอนตัว
เริ่มที่ทีม U20 ของเยาวชนหญิง ไปแข่งขันที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ และประเทศเบลเยียม ก่อนจะจบในอันดับที่ 14 จากทั้งหมด 16 ทีม
ตามมาด้วย ทีมยุวชนชาย U19 ที่ประเทศอิหร่าน รวมถึงหลังจากนี้จะมี ยุวชนหญิง U18 และเยาวชนชาย U21 ในช่วงปลายเดือนกันยายน
ซึ่งการไปแข่งขันในเวทีโลกของทีมชาย นับว่าเป็นสิ่งที่เราแทบจะไม่คุ้นเลย เพราะก่อนหน้านี้เรามีโอกาสได้ไปแข่งขันน้อยมาก อย่างในทีมยุวชน เราก็เคยไปแค่ครั้งเดียว เมื่อปี 2003 ในฐานะเจ้าภาพด้วย
แต่ด้วยการแข่งขันที่ยังอยู่ภายใต้สถานการณ์ของโควิด-19 และการระบาดของโรคในประเทศไทย ยังอยู่ในขั้นวิกฤต ทำให้การฝึกซ้อมของทีมชาติไทย เป็นไปอย่างเงียบ ๆ ทุกชุด
ทีม U19 เริ่มต้นฝึกซ้อมกันที่ จ.สุพรรณบุรี ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม รวมถึงทรัพยากรนักกีฬาก็มีจำกัด ภายใต้การนำของ ขจรศักดิ์ มานะพรชัย ที่รับหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน
และนักกีฬาทั้งหมด ต่างก็เป็นผู้เล่นที่พึ่งจะเคยติดทีมชาติครั้งแรก ก็แหงหละ เพราะนี่เป็นรุ่นแรกของการแข่งขันในระดับทีมชาติ
ดังนั้นนักกีฬาทั้งหมดของเรา ที่เดินทางไปแข่งขันที่อิหร่าน จึงล้วนแล้วแต่เป็นหน้าใหม่ทั้งหมด
บางคนอาจจะเคยผ่านเวทีไทยแลนด์ลีก บางคนอาจจะผ่านเวทีการแข่งขันในรายการของสมาคมฯ ในหลาย ๆ รุ่นอายุ รวมตัวกันมากับการแข่งขันครั้งนี้
การฝึกซ้อมดำเนินการไป 1 เดือนเศษ ๆ ทีมชาติไทย ได้เวลาเดินทางไปสู่อิหร่าน เพื่อลงแข่งขันในศึกชิงแชมป์โลก และความหวังของทีมงานผู้ฝึกสอน และนักกีฬา จากที่ดูคู่แข่งร่วมสายทั้ง เบลเยียม, รัสเซีย, บัลแกเรีย และ แคเมอรูน คือหวังเข้ารอบที่ 2 ให้ได้
การลุ้นเข้ารอบที่ 2 ก็คงเป็นการหวังว่าจะเอาชนะ แคเมอรูน คู่แข่งจากทวีปแอฟริกา แต่การเจอกับ 3 ทีมจากยุโรป อาจจะเป็นงานที่เราคงจะสู้ลำบาก
อีกทั้งความคาดหวังของกองเชียร์ โดยเฉพาะตัวผมเอง เรามีภาพจำกับการเล่นของทีมชายที่ต้องบอกว่า ลุ้นกันอย่างใจหายใจคว่ำ กับการเล่นของทีมในแต่ละรายการที่ผ่านมา
ดังนั้น คิดในใจเลยว่า ฟอร์มการเล่นของทีมไทย U19 อาจจะไม่ได้สวยงามอะไรมาก แต่ก็น่าจะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปได้
แต่แล้วเกมนัดแรกของหนุ่มไทย ที่ได้ลงสนามพบกับ บัลแกเรีย มันก็แทบจะลบความทรงจำเก่า ๆ ของเราออกไปอย่างสิ้นเชิง
ที่มันคือทีมชาติไทย จริง ๆ ใช่ไหม ทำไมไม่เหมือนที่เราเคยเห็นมาก่อน
จุดสำคัญของวอลเลย์บอล นั่นคือเรื่องของการรับเสิร์ฟที่เป็นปัจจัยที่น่ามาก่อนอันดับ 1 และเป็นปัญหาที่เราเจออยู่บ่อยครั้งในทุก ๆ ชุด ที่ผ่านมา
แต่ U19 กลับทำได้ดีเกินคาด เรียกได้ว่า ดีโคตร ๆ กับเกมรับเสิร์ฟ ทำให้การเล่นของเรามันดูแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
หรือแม้แต่การเซตของมือเซตกัปตันทีมอย่าง “คูณ” เชิดชัย ฉิมพิภพ ที่ลงเล่นในไทยแลนด์ลีก กับ เกาะกูดคาบาน่า เป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักในการออกบอลให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ทำสกอร์ต่อเนื่อง รวมถึงออกบอลที่ดีในหลาย ๆ จังหวะอย่างมาก
อีกทั้งเรื่องของเกมรุกของเรา ที่แม้ในเกมแรก ๆ อาจจะยังติดขัดบ้าง ด้วยความที่ไม่เคยเจอคู่แข่งที่บล็อกใหญ่สไตล์ยุโรป และ อเมริกาใต้ แต่พอเล่นไปได้สักระยะ เกมรุกหนุ่มไทยก็ฉกาจฉกรรจ์ขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นอีกหนึ่งทีเด็ดของทีมเลยก็ว่าได้
รวมไปถึงเรื่องของสภาพจิตใจของนักกีฬา ที่ลงสนามไปแล้ว ไม่แสดงท่าทีการตื่นสนาม หรือตื่นเต้น หรือเกรงต่อคู่แข่งที่เจอแต่อย่างใด ทั้งที่นี่คือการติดทีมชาติไปเล่นต่างประเทศครั้งแรกของทุกคน และคู่แข่งในระดับโลกทั้งนั้น
ทั้งหมดที่กล่าวมา มันจึงหลอมรวมกันมาเป็นทีมเวิร์คที่ดีของทีมชาติไทย และการเล่นที่ดีแบบผิดหูผิดตา ทำให้การเชียร์ และการส่งกำลังใจของแฟน ๆ มีมากขึ้นในทุก ๆ เกม
รอบแบ่งกลุ่ม เราเปิดด้วยการแพ้ บัลแกเรีย 0-3 เซต แต่เป็นการแพ้ที่ดีกว่าที่คิด เพราะฟอร์มการเล่นของเราไม่ได้เป็นรองเลย เราสู้ได้ แต่ก็ต้องยอมรับถึงความแข็งแกร่งของคู่แข่งที่สูงมาก ทำให้เราต่อกรได้ลำบาก
ส่วนเกมที่สองที่เริ่มจุดประกายในการลุ้นเข้ารอบ นั่นคือการพบกับ แคเมอรูน คู่แข่งที่เราคาดหวังไว้ตั้งแต่แรกว่าจะต้องชนะเขาให้ได้ เพื่อลิ่วเข้ารอบต่อไป ซึ่งเราก็ทำได้ เอาชนะหนุ่มจากแอฟริกา 3-1 เซต แต่ในอีก 2 เกมที่เหลือ ทั้งกับ รัสเซีย และ เบลเยียม รูปเกมคล้าย ๆ กับเกมที่เราเจอกับ บัลแกเรีย แม้จะแพ้แต่ก็ประทับใจอย่างมากทีเดียว
รอบ 16 ทีมสุดท้ายที่เราได้ลงเล่น อาจจะเป็นงานที่หนัก เพราะเจอกับ อาร์เจนตินา รวมถึงเกมนั้น ฟอร์มของน้อง ๆ มีหลุดกันบ้าง และเล่นเกร็ง ๆ กันบ้าง ก่อนที่จะแพ้ไป 0-3 เซต
และรอบจัดอันดับ 9-16 ที่ต้องบอกว่าน่าเสีย ทั้งที่เราเริ่มต้นเกมได้ดีในการเจอ เช็ก แต่ก็แพ้ไป 1-3 เซต ก่อนที่ใน 2 เกมสุดท้าย ทั้งในรอบจัดอันดับ 13-16 และรอบชิงอันดับที่ 13 เราจะเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม
หนุ่มไทย เอาชนะคู่แข่งอย่าง โคลอมเบีย และ ไนจีเรีย ไปได้ 3-2 เซต ทั้งสองเกม ทำให้จบการแข่งขันอย่างน่าประทับใจด้วยอันดับที่ 13 จากทั้งหมด 20 ทีม
แม้จะไม่ได้เป็นผลงานที่ดีที่สุด เพราะครั้งก่อนที่เราเป็นเจ้าภาพเมื่อปี 2003 เราจบอันดับ 6 แต่ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดี บอลแรกที่ดี หัวใจนักสู้ และทีมเวิร์คที่ดี ทำให้นี่จึงเป็นการเล่นที่น่าประทับใจที่สุดของทีมชาย ครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้
รวมถึงแนวทางการเล่นแบบนี้ น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกชุดหลังจากนี้ และทำให้สมาคมฯ มองทีมชายของเราเสียใหม่ ว่าการพัฒนาเพื่อไปทำผลงานให้อยู่ในระดับท็อปของเอเชีย คงไม่ได้ไกลเกินกว่าฝันแต่อย่างใด
หากตั้งใจ และคิดจะทำจริง ๆ ทีมชายของเราก็สามารถก้าวข้ามแค่คำว่าซีเกมส์ ไปได้สักที
ขอบคุณข้อมูลจาก SMMSPORT