แผนการจัดหาวัคซีนของไทยสู่เป้าหมาย 100 ล้านโดสเพื่อฉีดให้ประชาชน 50 ล้านคน เพื่อครอบคลุม 70% ของประชากรเปลี่ยนไปอีกครั้งจากเดิมที่เคยระบุไว้ว่า ของเดิมที่เคยจองซื้อไว้มี 63 ล้านโดส ต้องจัดซื้อวัคซีนเพิ่มเติมอีก 37 ล้านโดส แบ่งเป็น ภาครัฐ 30 ล้านโดส ภาคเอกชน 7 ล้านโดส ล่าสุดหลังภาคเอกชนชั้นนำของประเทศไทยเข้าร่วมประชุมกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงแนวทางความร่วมมือในการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ระหว่างภาครัฐและเอกชนวานนี้ (28 เมษายน) ที่ทำเนียบรัฐบาลได้มีการเปลี่ยนแผนใหม่อีกครั้ง
วันนี้ (29 เมษายน) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงแผนการจัดหาวัคซีน ระบุว่า ของเดิมที่เคยจองซื้อไว้มี 63 ล้านโดส ต้องจัดซื้อวัคซีนเพิ่มเติมอีก 37 ล้านโดส โดยเป็นภาครัฐจัดหาเองทั้งหมด ส่วนภาคเอกชนยังเปิดโอกาสให้หาวัคซีนเพิ่มเติมได้
นอกจากนี้ ยังตั้งแผนกระจายวัคซีน โดยตั้งจุดบริการที่จะฉีดวัคซีนทั้งในและนอกโรงพยาบาล จำนวน 1,000 แห่ง แห่งละ 500-1,000 โดสต่อวัน รวม 5 แสน ถึง 1 ล้านโดสต่อวัน เป็นระยะเวลา 30 วัน คิดเป็น 15-30 ล้านโดสต่อเดือน ทั้งนี้ จะฉีดครบ 100 ล้านโดสภายในระยะเวลา 4-7 เดือนคือ ตั้งแต่เดือนกันยายน-ธันวาคม 2564
ส่วนกรุงเทพมหานครที่เป็นพื้นที่เปราะบางจะเพิ่มจุดบริการนอกโรงพยาบาล เช่น สนามกีฬา มหาวิทยาลัย ศูนย์ประชุม ฯลฯ จุดบริการทั้งในและนอกโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนจำนวน 100 แห่ง แห่งละ 1,000 โดสต่อวัน รวม 1 แสนโดสต่อวัน เป็นระยะเวลา 30 วัน เท่ากับ 3 ล้านโดสต่อเดือน โดยจะได้รับเข็มที่หนึ่งครบภายในระยะเวลา 3 เดือนคือ เดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2564
ที่มา THE STADARD