รูดม่านปิดฉากลงไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับมหกรรมกีฬา “พาราลิมปิก โตเกียวเกมส์ 2020” ที่แดนซามูไร

นักกีฬาพิการไทย ยังคงสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกระเทียมดอง ด้วยการคว้ามาได้ทั้งสิ้น ‘5 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน และ 8 เหรียญทองแดง’ 

รวมเบ็ดเสร็จ 18 เหรียญ ที่เอากลับบ้านไปฝากพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศ

รั้งอันดับ 25 จาก 86 ประเทศที่ได้เหรียญ และเป็นที่ 1 ของอาเซียน 

นับเป็นการเยียวยาความทุกข์โศก อันแสนสาหัสจากพิษร้ายของไวรัสโควิด-19 ที่ทำลายความสุขของผู้คน อย่างยาวนานข้ามปี

เชื่อว่าพาราลิมปิกหนนี้ ได้รับความสนใจจากแฟนกีฬาชาวไทยเรามากกว่าครั้งใดๆ ที่เคยผ่านมา 

หลังจากที่มีการถ่ายทอดสดทุกอีเวนต์กีฬา ที่นักกีฬาไทยเข้าร่วมการแข่งขัน ตั้งแต่วันแรกยันจนถึงวันปิดสนาม ผ่านทางสถานีกีฬาทีสปอร์ต และ AIS PLAY ที่ยิงสดผ่านช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างจุใจ!!

นั่นจึงทำให้พวกเรา ได้ซึมซับความยิ่งใหญ่ของทุกโมเมนต์ และทุกความรู้สึกของนักกีฬาคนพิการจากทั่วโลก โดยเฉพาะความสำเร็จของนักกีฬาทีมชาติไทยของเรา ที่กว่าจะประสบความสำเร็จระดับนี้ได้.. ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ 

ซึ่งผมขอบันทึกความสุดยอดของทุกเหรียญรางวัล เอาไว้ในความทรงจำ บนพื้นที่ SportInsider เพื่อเป็นการสดุดียอดขุนพลพาราไทยแลนด์ทุกท่าน.. ดังนี้ครับ

เริ่มจาก 8 เหรียญทองแดง ที่ได้จาก “แวว” สายสุนีย์ จ๊ะนะ ตำนานยอดนักฟันดาบสาวไทย ประเดิมคว้าเหรียญแรกให้ทัพไทยสำเร็จ จากวีลแชร์ฟันดาบเอเป้ บุคคลหญิง คลาส บี

ตามด้วย รุ่งโรจน์ ไทยนิยม นักตบลูกเด้ง ที่ได้เหรียญทองแดงจากเทเบิลเทนนิส ชายเดี่ยว คลาส 6

และอีกทองแดงของเทเบิลเทนนิส ได้จากการชิงชัยประเภททีมชาย นักปิงปองไทย ประกอบไปด้วย อนุรักษ์ ลาววงษ์, ยุทธจักร กลิ่นบานชื่น และ ถิรายุ เชื้อวงษ์ คว้าเหรียญทองแดง ไปครองในคลาส 3 

ส่วน ภูธเรศ คงรักษ์ เบิกร่องให้ทีมวีลแชร์ไทย ด้วยการคว้าเหรียญทองแดงในวีลแชร์เรซซิ่ง 5,000 เมตร T54 และได้อีกเหรียญจากระยะ 1,500 เมตร

ขณะที่ สายชล คนเจน คว้าอีก 1 ทองแดงไปครอง ในวีลแชร์เรซซิ่ง 800 เมตรชาย T54

และทองแดงประวัติศาสตร์ของ “น้องขวัญ” ขวัญสุดา พวงกิจจา จอมเตะสาวไทย ที่คว้ามาได้เป็นครั้งแรกในเทควันโด  รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กก.หญิง คลาส K44

รวมทั้งทองแดงส่งท้าย จากแบดมินตันวีลแชร์ หญิงคู่ WH อำนวย เวชวิฐาน จับคู่กับ สุจิรัตน์ ปุกคำ ที่เอาชนะคู่แข่งจากสวิตเซอร์แลนด์ ในแมตช์ชิงที่ 3 

ส่วน 5 เหรียญเงิน เป็นผลงานของนักวีลแชร์เรซซิ่ง 400 เมตรชาย คลาส T 54  อธิวัฒน์ แพงเหนือ ที่โดน ดาเนียล โรมันชุค จากสหรัฐอเมริกา แซงในช่วง 5 เมตรสุดท้าย ทำให้ได้เพียงแค่รองแชมป์อย่างน่าเสียดาย 

เช่นเดียวกับ ประวัติ วะโฮรัมย์ ตำนานมนุษย์ล้อของไทย วัย 40 ปี ที่ซิ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 2  คว้าเหรียญเงิน วีลแชร์เรซซิ่งระยะ 1,500 เมตร คลาส ที 54 ไปคล้องคอ ซึ่งเป็นเหรียญเดียวของเจ้าตัวในพาราลิมปิกหนนี้

อีก 2 เงินได้มาจาก บอคเซีย โดย พรโชค ลาภเย็น ที่คว้ามาได้จากการแข่งขัน บอคเซียบุคคล BC4 และ “ต่อ” วัชรพล วงษา ที่ได้รองแชมป์ ในคลาสบีซี 2

รวมถึงเหรียญเงินพาราลิมปิกครั้งแรกแรกในประวัติศาสตร์ วงการแบดมินตันไทย ของ สุจิรัตน์ ปุกคำ นักตบลูกขนไก่สาวไทย ในแบดฯ หญิงเดี่ยว WH1

และ 5 เหรียญทองแห่งความภาคภูมิใจ ที่ทัพพาราไทย ได้มาจากนักบอคเซียทีมชาติไทย ประกอบไปด้วย วิษณุ ฮวดประดิษฐ์, สุบิน ทิพย์มะนี, วัชรพล วงษา และ วรวุฒิ แสงอำภา ที่ช่วยกันเล่นทำแต้ม เอาชนะเหนือคู่แข่งจากจีนไป 8-2 คะแนน คว้าเหรียญทองหนึ่งเดียวให้บอคเซียไทย ในประเภททีมBC 1-2

นับเป็นการป้องกันแชมป์บอคเซียประเภททีมชาย ได้เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันในพาราลิมปิกเกมส์ของนักกีฬาไทยอีกด้วย

ที่เหลืออีก 4 ทอง เป็นของวีลแชร์เรซซิ่งทั้งหมด โดย อธิวัฒน์ แพงเหนือ ที่อกหักได้แค่เหรียญเงินในประเภท 400 เมตร มาแก้ตัวได้สำเร็จ  ด้วยการซิวทอง 100 เมตรชาย T54 อย่างยอดเยี่ยม

แต่ที่สุดของที่สุด.. นักกีฬาไทยในโตเกียว2020 ครั้งนี้ คงไม่มีใครจะยิ่งใหญ่เกิน “เจ้ากร” พงศกร แปยอ ที่จารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ของนักกีฬาไทยคนแรก ที่คว้า 3 เหรียญทอง ในพาราลิมปิกเกมส์หนเดียว

โดยทองแรก“เจ้ากร” ได้มาจาก วีลแชร์เรสซิ่ง 400 เมตร T 53 ที่เจ้าตัวสามารถป้องกันแชมป์ได้อีกสมัย พร้อมกับทำลายสถิติโลกของ เบน ลากาตอส และสถิติพาราลิมปิกของตัวเอง ซึ่งเป็นเหรียญทองแรกของทัพไทยในพาราลิมปิกโตเกียวด้วย

จากนั้นเจ้าตัวก็ยังคงเดินหน้าคว้ามาอีก 2 ทองรวด จากการเป็นสุดยอดแชมป์ ที่ทำลายสถิติพาราลิมปิกทั้งในประเภท 100 เมตรชาย คลาส T 53  และ 800 เมตร ได้อีก 

เรียกได้ว่าทัวร์นาเมนต์นี้.. ตกอยู่ใต้วงล้อวีลแชร์ของไอ้หนุ่มเลือดอีสาน จากเมืองขอนแก่นผู้นี้อย่างแท้จริง

ยอดอัดฉีดเบื้องต้นจากภาครัฐกว่า 21 ล้านบาทอัป คือเครื่องการันตีความยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน ของเศรษฐีใหม่ป้ายแดง 

ที่ต่อไปนี้เราจะเรียกเค้าว่า “เจ้ากร” ไม่ได้แล้ว 

ต้องเรียกใหม่ให้สมฐานะ เป็น “เสี่ยกร” ณ เมืองหมอแคน 

มันถึงจะถูก!!!   

ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐสปอร์ต