“ลุงป้อม” ย้ำทุกหน่วยงานเตรียมแผนก่อนเกิดภัยน้ำท่วม กำชับระดมเครื่องมือประจำจุดเสี่ยง เพื่อช่วยประชาชนโดยเร็ว ป้องกันผลกระทบให้เกิดได้น้อยที่สุด
วันที่ 10 ก.ย. 2564 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 3/2564 ผ่านออนไลน์ โดยมี นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ร่วมประชุม พร้อม VDO Conference ไปยังผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการติดตามสถานการณ์น้ำปัจจุบัน และรับทราบความก้าวหน้าตาม 10 มาตรการฤดูฝน โดยเน้นย้ำทุกหน่วยงานเตรียมแผนก่อนเกิดภัย ระหว่างเกิดภัย และหลังเกิดภัยให้เป็นรูปธรรมและชัดเจนเป็นรายพื้นที่ โดยเฉพาะจุดเสี่ยงต่างๆ ที่เป็นเขตชุมชน พื้นที่เศรษฐกิจ รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมทั้งในระยะเร่งด่วนเฉพาะหน้า ที่ต้องมีการแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำให้ถึงประชาชนโดยเร็ว เพื่อเตรียมการอพยพป้องกันผลกระทบให้เกิดได้น้อยที่สุด
ทั้งนี้ ตามที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้คาดการณ์ฝน (One Map) พบว่า ในช่วงเดือน ก.ย.-พ.ย. 2564 ปริมาณฝนทั้งประเทศจะมีค่ามากกว่าค่าปกติถึง 7-15% ขณะที่แนวโน้มการเกิดพายุขณะนี้ พบว่า ยังไม่มีผลกระทบกับประเทศไทยโดยตรง แต่ก็จะประมาทไม่ได้ จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตาม 10 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2564 อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการสื่อสารต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมตัวได้ทันต่อสถานการณ์ภัยที่จะเกิดขึ้น
รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการ เตรียมการรองรับกรณีฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพื่อรองรับน้ำหลากที่จะเกิดขึ้นเป็นรายหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด แบ่งเป็น เดือน ก.ย.-ต.ค.64 ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง และเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2564 ในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อแจ้งให้คณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดรับทราบและซักซ้อมการเผชิญเหตุ เร่งกำจัดผักตบชวาและสิ่งกีดขวางทางน้ำที่เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการระบายน้ำ รวมทั้งเน้นย้ำให้วางแผนเร่งเก็บกักน้ำก่อนจะสิ้นสุดฤดูฝนเพื่อสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งหน้าด้วย
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังรับทราบการขับเคลื่อนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่ผ่านมาของหน่วยงานเกี่ยวข้อง และร่วมกันพิจารณาแผนงาน/โครงการ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านน้ำให้กับประชาชนต่อไป โดยเห็นชอบโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญที่มีความพร้อมเสนอขอตั้งงบประมาณปี 2566 จำนวน 2 โครงการ ที่จะสนับสนุนการอุปโภคบริโภคและอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซี ได้แก่
- โครงการอ่างเก็บน้ำคลองกะพง จ.ฉะเชิงเทรา ระยะเวลาดำเนินการ 6 ปี (ปี 2565–70) เก็บกักน้ำต้นทุนได้ 27.50 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เมื่อแล้วเสร็จสามารถส่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่รับประโยชน์ในฤดูฝน 35,000 ไร่ ฤดูแล้ง 7,000 ไร่ และเสริมศักยภาพผลักดันน้ำเค็มในแม่น้ำบางปะกง โดยให้กรมชลประทานปรับแผนการเตรียมความพร้อมจัดหาที่ดินในปี 2565 ให้สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ในปี 2566 รวมถึงทำแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
2.โครงการสูบผันน้ำจากคลองสะพานแนวที่ 2 จ.ระยอง ระยะเวลาดำเนินโครงการ 4 ปี (ปี 65-68) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการสูบน้ำกลับเข้าสู่อ่างเก็บน้ำประแสร์เพิ่มอีก 50 ล้าน ลบ.ม./ปี ประกอบด้วย โรงสูบผันน้ำ เครื่องสูบน้ำ ระบบท่อผันน้ำและอาคารทิ้งน้ำ โดยให้กรมชลประทานวางแผนบริหารจัดการโครงการเติมน้ำให้อ่างฯประแสร์และกิจกรรมใช้น้ำจากอ่างฯประแสร์ ให้เกิดความสมดุล ซึ่งทั้ง 2 โครงการอยู่ใน 38 โครงการตามแผนพัฒนาแหล่งน้ำภายใต้โครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำรองรับอีอีซี ซึ่ง สทนช. จะเสนอ ครม.พิจารณาต่อไป.