ยังคงความเป็นมหาอำนาจแห่งวงการเทคโนโลยีและค้าปลีกได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายไม่มีแผ่วเลยสำหรับ Amazon (AMZN) เมื่อพวกเขารายงานผลประกอบการประจำช่วงไตรมาสแรกของปี 2021 ออกมา และพบว่า บริษัทมีรายได้รวมที่ 108,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.38 ล้านล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตมากถึง 44% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 8,107 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2.53 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ 220%

ที่น่าสนใจมากๆ ก็คือกลุ่มธุรกิจคลาวด์ที่ยังคงเปรียบเสมือนขุมกำลังสำคัญที่ผลักดันให้ Amazon มีศักยภาพในการเดินหน้าสร้างรายได้และกำไรที่มั่นคงอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสนี้ Amazon Web Services (AWS) มีรายรับรวมที่ 13,503 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 12.4% จากรายได้ทั้งหมด และนับเป็นอัตราการเติบโตจากปีก่อนที่ 32% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า AWS น่าจะมีรายได้ที่ 13,230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เจฟฟ์ เบโซส์ กล่าวในแถลงการณ์ของบริษัทไว้ว่า “เด็กๆ ของเราทั้งสองคน (เปรียบเทียบกับแผนกธุรกิจของบริษัท) ตอนนี้มีอายุครบ 10 และ 15 ปีแล้ว หลังจากที่พวกเราได้ฟูมฟักพวกเขามาอย่างยาวนาน พวกเขาเติบโตอย่างรวดเร็วและยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง 

“Prime Video มีอายุครบ 10 ปีแล้ว โดยตลอดทั้งปีที่ผ่านมา สมาชิกผู้ใช้งาน Prime Member ได้รับชมรายการและภาพยนตร์ต่างๆ หลายเรื่อง โดยที่มีเวลาการรับชมเพิ่มขึ้นมากกว่า 70% ถ้าเปรียบเทียบแบบปีต่อปี เช่นเดียวกันกับ Amazon Studios สตูดิโอของพวกเราที่เพิ่งฉลองวันเกิดครบ 15 ปีไป และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มากถึง 12 รางวัล และชนะรางวัลมาได้ทั้งสิ้น 2 รางวัล ซึ่งโปรแกรมคอนเทนต์ออริจินัลเหล่านี้ก็เตรียมจะได้เข้าฉายแล้ว เช่น Tom Clancy’s Without RemorseThe Tomorrow WarThe Underground Railroad และอื่นๆ อีกมากมาย

“ในขณะที่ AWS ก็กลายเป็นธุรกิจที่มีอัตรายอดขายต่อปีอยู่ที่ 5.4 หมื่นล้านบาท และมีอัตราการเติบโตที่ระดับ 32% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี ซึ่งถือว่ามีศักยภาพการแข่งขันที่สูงเมื่อเทียบกับบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก บริษัทอย่าง Airbnb, McDonald’s ไปจนถึง Volkswagen ล้วนแล้วแต่ใช้ AWS เพราะพวกเราสามารถนำเสนอสิ่งที่เหนือกว่าแค่เครื่องมือและบริการทั่วๆ ไป 

“ไม่เพียงเท่านั้น เรายังลงทุนอย่างต่อเนื่องไม่ลดละอีกด้วย พวกเรารัก Prime Video และ AWS มากๆ และก็รู้สึกภูมิใจที่มีพวกเขาเป็นสมาชิกครอบครัวของเรา”

ประเด็นที่น่าสนใจนอกเหนือจากการประกาศรายได้และกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการที่ AWS มีศักยภาพในการทำกำไรได้อย่างน่าสนใจนั้น ประเด็นการเปลี่ยนผ่านซีอีโอของบริษัทก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องจับตาเช่นกัน เพราะเหลืออีกแค่ไตรมาสเดียว (ไตรมาสที่ 2: เมษายน-มิถุนายน) หรือถ้าพูดง่ายๆ ก็คืออีก 2 เดือนนับจากนี้ เจฟฟ์ เบโซส์ ก็จะส่งไม้ต่อให้กับ แอนดี้ แจสซี แม่ทัพของ AWS เข้ามาทำหน้าที่ซีอีโอในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้แล้ว ซึ่งเราก็น่าจะได้เห็นกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจในมิติใหม่ๆ ที่น่าจับตาจากยอดฝีมือผู้ปั้นกลุ่มธุรกิจคลาวด์ของ Amazon ให้ประสบความสำเร็จมาแล้วแน่นอน

ขณะที่ในตำแหน่งเดิมของแจสซีนั้น จะเป็น อดัม เซลิปสกี คนคุ้นเคยของ Amazon ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งซีอีโอของ Tableau ที่เข้ามาสานต่องานในตำแหน่งหัวเรือใหญ่ของ AWS อีกทอดหนึ่งนั่นเอง

ชอบคุณแหล่งที่มา THE STANDARD