(29 เมษายน) ฮันส์ คลูเกอ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคยุโรปขององค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่าชาวยุโรปที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) มีจำนวนมากกว่าประชากรที่ได้รับการยืนยันผลว่าติดโรคโควิด-19
“ปัจจุบันยุโรปมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ยืนยันผลแล้วอยู่ที่ร้อยละ 5.5 ของประชากรทั้งหมด ขณะที่ประชากรร้อยละ 7 ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว” คลูเกอระบุในคำแถลงต่อสื่อมวลชน โดยปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนในยุโรปแล้ว 215 ล้านโดส และราวร้อยละ 16 ของประชากรในประเทศสมาชิกองค์การฯ ประจำภูมิภาคยุโรป ได้รับวัคซีนโดสแรกแล้ว
ปัจจุบันประเทศสมาชิกองค์ของ WHO ประจำภูมิภาคยุโรป มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสม 51,506,373 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิตรวม 1,076,173 ราย
แม้จำนวนผู้ป่วยใหม่ ผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล และผู้ป่วยเสียชีวิตจะลดลงในช่วงไม่นานนี้ แต่คลูเกอย้ำเตือนประชาชนในภูมิภาคระมัดระวังตนเองและยังคง ‘ตระหนักถึงความจริงที่ว่าวัคซีนเพียงอย่างเดียวไม่สามารถยุติการระบาดใหญ่ได้’
“หากปราศจากการแจ้งข้อมูลและมีส่วนร่วมกับชุมชน พวกเขายังคงเสี่ยงกับเชื้อไวรัส หากปราศจากการเฝ้าระวัง เราก็มิอาจจำแนกเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ใหม่ได้ และหากปราศจากการแกะรอยประวัติสัมผัสใกล้ชิด รัฐบาลอาจต้องบังคับใช้มาตรการเข้มงวดอีกครั้ง” คลูเกอระบุ
คลูเกอใช้สัปดาห์การสร้างภูมิคุ้มกันแห่งยุโรป (EIW) ซึ่งตรงกับวันที่ 24 เมษายน – 2 พฤษภาคมในปีนี้ เพื่อสะท้อนความสำคัญของวัคซีนที่เป็นเครื่องรับประกันการป้องกันโรคที่คุกคามถึงชีวิต โดยอ้างอิงการมีผู้ป่วยโรคหัด 100,000 รายในปี 2019 ซึ่งเป็นผลจากอัตราการฉีดวัคซีนตกต่ำเมื่อสองปีก่อนหน้า
“ความสำเร็จที่หามาได้ยากอาจหลุดลอยไปอย่างรวดเร็ว นั่นคือเหตุผลที่ผมขอให้คุณพยายามอย่างหนักเพื่อคงความครอบคลุมของการฉีดวัคซีน ด้วยการรับวัคซีนตามกำหนดของภูมิภาค เราต้องไม่หละหลวมต่อโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน” คลูเกอกล่าว
นอกจากนี้ คลูเกอยังกระตุ้นเตือนระบบสาธารณสุขของภูมิภาคจัดเตรียมการดูแลสุขภาพเบื้องต้นที่จำเป็น ซึ่งรวมถึงการฉีดวัคซีนตามกำหนด ขณะควบคุมการระบาดใหญ่
ขอบคุณแหล่งที่มา THE STANDARD