วันที่ 3 ต.ค.64 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กำชับกระทรวงศึกษาธิการ เร่งหาแนวทางในการแก้ปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรอย่างยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันครูทั่วประเทศประมาณ 9 แสนคน คิดเป็นร้อยละ80 มีหนี้รวมกัน 1.4 ล้านล้านบาท มีเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดคือ สหกรณ์ออมทรัพย์ครู วงเงิน 8.9 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 64 และธนาคารออมสิน วงเงิน 3.49 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 25

รวมถึงให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เตรียมพร้อมวงเงินปล่อยกู้ให้นักเรียนและนักศึกษาเข้าถึงแหล่งเงินเพื่อใช้ในค่าใช้จ่าย ปีการศึกษา 2564

ขณะนี้ กระทรวงศึกษาฯ จัดทำแผนแก้ปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งระบบแล้ว ระยะแรก 3 แผนงาน ได้แก่ แผนงานที่ 1.โครงการแก้ปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยใช้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบเป็นฐาน เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูร่วมกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบ จำนวน 12 แห่ง 4 ภาค ภาคละ 3 แห่ง ทำงานร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐทุกแห่ง และส่วนราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการในพื้นที่จังหวัด ภายในเดือนต.ค.นี้ และขยายผลการดำเนินไปยังสหกรณ์ออมทรัพย์ครูทั่วประเทศที่มีความพร้อม ตั้งแต่เดือนพ.ย. 2564 เป็นต้นไป แผนงานที่

2.คณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ เจรจากับสถาบันการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาครูรายที่ถูกฟ้อง พร้อมแนวทางการแก้ปัญหาของผู้ค้ำประกัน และการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ตั้งแต่เดือนก.ย.2564 โดยให้มีการดำเนินการแก้ปัญหาร่วมกันในระดับพื้นที่จังหวัดในการปรับโครงสร้างหนี้ ระหว่างสหกรณ์ออมทรัพย์ครู สถาบันการเงิน และส่วนราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการระดับจังหวัด และ แผนงานที่ 3. การจัดอบรมพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้ทางด้านการวางแผนและการสร้างวินัยทางการเงินและการออม โดยมีเป้าหมายอบรม 1 แสนคนต่อปี เริ่มอบรมรุ่นที่ 1 ระหว่างวันที่ 1-15 ต.ค. 2564 ผ่านระบบออนไลน์ศูนย์ Deep กระทรวงศึกษาธิการ

น.ส.รัชดา กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังถอดบทเรียนการแก้ปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาจากสหกรณ์ตัวอย่าง 2 แห่ง คือ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูสมุทรปราการ จำกัด และสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกำแพงเพชร จำกัด พบว่ามีการแก้ปัญหาโดยปรับลดภาระดอกเบี้ย และการปรับโครงสร้างหนี้ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของสหกรณ์ออมทรัพย์ให้ต่ำลงไม่เกินร้อยละ 3 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สหกรณ์ และสถาบันการเงินให้สอดคล้องกับสินเชื่อที่มีอัตราความเสี่ยงต่ำ ร้อยละ 4.5-5

ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เช่น รวมหนี้จากทุกสถาบันการเงินมาไว้ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครู หรือสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่สหกรณ์ออมทรัพย์ครู การปรับโครงสร้างหนี้ครูก่อนเกษียณ อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป และลดดอกเบี้ยเงินกู้แก่ครูที่มีอายุ 75 ปีขึ้นไป ตั้งแต่ร้อยละ0.25-0.50.เป็นต้น

น.ส.รัชดา กล่าวว่า สำหรับการช่วยเหลือนักเรียนและนักศึกษาในเรื่องเงินกู้ กยศ.ได้ขยายกรอบวงเงินการให้กู้ยืม ปีการศึกษา 2564 จากเดิม 38,587 ล้านบาท สำหรับผู้กู้ จำนวน 6.2 แสนราย เป็น 40,000 ล้านบาท สำหรับผู้กู้ยืม จำนวน 7 แสนราย เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบแก่นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครองที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 โดยขยายเวลายื่นขอกู้ยืมเงินภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ไปจนถึงวันที่ 31 ต.ค. 2564

นักเรียน นักศึกษาสามารถยื่นกู้ยืมผ่านโทรศัพท์มือถือด้วแอพพลิเคชัน กยศ. Connect หรือทาง www.studentloan.or.th โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันในการทำสัญญากู้ยืมเงินใหม่

ทั้งนี้การแก้ปัญหาหนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษา มี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ เป็นหัวหน้าคณะทำงานเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินครูอย่างเป็นระบบ ทั้งการลดรายจ่าย เพิ่มการออม และไม่ก่อหนี้เพิ่ม ป้องกันไม่ให้ครูรุ่นใหม่ติดกับดักวงจรการเป็นหนี้ และยืนยันว่ากองทุน กยศ. มีเงินให้กู้ยืมเพียงพอสำหรับนักเรียน นักศึกษาได้มีโอกาสได้เรียนต่ออย่างแน่นอน