เพื่อชาติลั่นถึงเวลา ประยุทธ์ ยกเลิกเก็บภาษีผ้าอนามัย ชี้ควรเป็นสวัสดิการรัฐ

เมื่อวันที่ 5 ต.ค.64 น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ (พช.) กล่าวว่า จากที่ตนเคยเปิดประเด็นเรื่องภาษีผ้าอนามัยตั้งแต่เดือน ธ.ค.62 ว่าควรยกเลิกภาษีทุกรูปแบบ ผ่านมาเกือบ 2 ปี รัฐบาลที่ไม่มีวิสัยทัศน์ ไร้ประสิทธิภาพ ไม่ได้ทำอะไรในเรื่องนี้เลย ตนได้ชี้ช่องให้ทำคะแนนกับประชากรสตรี แต่ความไร้วิสัยทัศน์ การมีทัศนคติลบกับคนคิดต่าง เลือกที่จะหาเรื่องปล่อยข่าวดิสเครดิตตนว่าปล่อยข่าวปลอม

ทั้งที่แท้จริงตนเพียงแต่พูดถึงประเด็นว่าการจัดผ้าอนามัยไว้ในกลุ่มสินค้าเครื่องสำอางไม่ถูกต้อง เพราะสินค้ากลุ่มนี้เรียกเก็บภาษีได้สูง แม้จะมีกฎหมายสินค้าควบคุมมาระบุไว้ ก็ควรแก้ไขให้ผ้าอนามัยเป็นสินค้ายกเว้นภาษีทุกประการ และควรบรรจุไว้ให้เป็นสวัสดิการของรัฐบาลเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย ลดความเหลื่อมล้ำทางเพศ เพราะผ้าอนามัยเป็นปัจจัยที่ 5 ของประชากรสตรีที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ

ทั้งนี้ รัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไม่ได้ทำอะไรให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้เลย แต่รัฐบาลเลือกที่จะหาเรื่องปล่อยข่าวดิสเครดิตทะเลาะกับคนคิดต่าง สร้างความขัดแย้งให้ไม่มีที่สิ้นสุด ประเทศไม่ได้อะไรนอกจากลดทอนความสามารถของประเทศลงไปเรื่อยๆ และโกงเวลาอนาคตของคนรุ่นใหม่ไปวันๆ เท่าอายุของรัฐบาล

น.ส.เกศปรียา กล่าวอีกว่า ในวันที่ 6 ต.ค. เวลา 09.00 น.ที่รัฐสภา ตนจะไปร่วมฟังน้องณฤดี จินตวิโรจน์ จากภาคประชาสังคม ที่รณรงค์เรื่องยกเลิกภาษีผ้าอนามัยทุกรูปแบบ ชี้แจงกับกรรมาธิการเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาฯ ทางภาคประชาสังคมได้รณรงค์เรื่องยกเลิกภาษีผ้าอนามัยทุกรูปแบบ เพื่อที่ผ้าอนามัยจะได้ถูกบรรจุเป็นสวัสดิการของรัฐในอนาคต โดยได้รณรงค์ต่อเนื่องตั้งแต่ตนเปิดประเด็นเรื่องผ้าอนามัย และได้นำรายชื่อผู้ร่วมลงชื่อในแคมเปญยกเลิกภาษีผ้าอนามัยทุกรูปแบบกว่า 26,000 รายชื่อ ยื่นให้คณะทำงานสตรีของพรรคเพื่อไทย

ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยได้นำเรื่องเข้ากรรมธิการเด็ก สตรีฯ โดยแคมเปญรณรงค์ขั้นแรกของภาคประชาสังคม มีเป้าหมายเพื่อให้ผ้าอนามัยเป็นสินค้าไม่มีภาษี เช่น อินเดีย และสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) เพื่อต่อยอดไปยังการรณรงค์ให้ผ้าอนามัยเป็นสวัสดิการของรัฐในอนาคตเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเพศ ลดภาระค่าใช้จ่าย

ที่มา khaosod