เมื่อวันที่ 14 ต.ค.64 นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกหนังสือเตือนอย่างเป็นทางการถึง นายอำเภอท่าเรือ นายอำเภอนครหลวง นายอำเภอพระนครศรีอยุธยา และ นายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่ติดแม่น้ำป่าสัก และอยู่ท้ายน้ำของเขื่อนพระรามหก โดยให้ติดตาม สถานการณ์ลุ่มน้ำป่าสักอย่างใกล้ชิด หลังเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ แจ้งเตือนปล่อยน้ำเพิ่ม
ทั้งนี้เนื่องจาก กองอำนวยการน้ำชาติ, กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยภาคกลาง และ กรมอุตุนิยมวิทยา รวมถึงหน่วยงานกรมชลประทาน ได้รายงานสถานการณ์ตรงกันว่า อิทธิพลพายุโซนร้อน “คมปาซุ” ส่งผลให้มีฝนตกในพื้นที่เหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพื่อเป็นการควบคุมระดับน้ำและปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ จะเพิ่มการระบายน้ำโดยทยอยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จากอัตรา 100 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ในวันที่ 13 ตุลาคม 2564 เวลา 12.00 น.เป็นต้นไป จนถึงอัตรา 300 ลูกบาศก์เมตร/วินาที
เพื่อป้องกันความเสียหาย ที่จะเกิดต่อทรัพย์สินของประชาชน จากการที่ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 2-2.5 เมตร (จากปัจจุบันเวลา 12.00 น.วันนี้) จึงขอให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ทราบ ขนย้ายทรัพย์สินขึ้นไว้ในที่สูง และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดต่อไป
อย่างไรก็ตาม สภาพน้ำท่วมในลุ่มแม่น้ำป่าสักเขตจ.พระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะในเขต อ.ท่าเรือ, อ.นครหลวง และ อ.พระนครศรีอยุธยา จะมีระดับน้ำแปรผันโดยตรงกับการปล่อยน้ำ ของเขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา และ จำนวนการปล่อยน้ำของเขื่อนพระรามหก จะมีอัตราแปรผันตามการปล่อยน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี และปริมาณน้ำในลุ่มน้ำป่าสักโดยรวม ในเขต จ.ลพบุรี และ จ.สระบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่เหนือน้ำของ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา
ที่มา มติชนออนไลน์