แรมโบ้ แซะนายเก่า ปล่อยคลิปน้ำท่วมปี 54 ดราม่า หวังฟอกตัว-โยนบาปให้คนอื่น ซัดยิ่งลักษณ์ ไร้ภาวะผู้นำ บริหารจัดการน้ำล้มเหลว
เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีมีการเผยแพร่คลิป น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ “น(า)ทีวิปโยค:10 ปีมหาอุทกภัย” ย้อนรอยเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ และอดีตรัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลที่นายทักษิณ คิด เพื่อไทยทำ โดยเฉพาะนายปลอดประสพ สุรัสวดี และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ พาดพิงกล่าวหาหน่วยงานรัฐ และพยายามแก้ตัวน้ำขุ่น ฟอกตัว โดยไม่เกรงใจประชาชนที่ทุกข์ระทม จากการบริหารจัดการน้ำไร้ประสิทธิภาพในยุคนั้น
นายเสกสกล กล่าวว่า น้ำท่วมปี 2554 ข้ามปีไปถึง 2555 กินพื้นที่กว่า 36 ล้านไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 65 จังหวัด ตั้งแต่เชียงใหม่ถึงกทม. ประชาชนเดือดร้อนกว่า 12 ล้านคน มีคนตายอย่างน้อย 815 คน และมีคนไทยกว่า 5 ล้านคน กลายเป็นผู้อพยพ ตกงานเกือบ 650,000 คน หรือได้รับผลกระทบอย่างหนัก มีนักวิชาการธนาคารโลกประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ 1.425 ล้านล้านบาท
แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับพวกหน้ามึน ออกมาโยนคนอื่นไปทั่ว ไม่เห็นความบกพร่องผิดพลาดของพวกตนเอง แก้ตัวน้ำขุ่นๆ ด้วยวาทกรรมเดิม หากใส่ใจกับการแก้ปัญหาจริงเหมือนการออกพาสปอร์ต และแก้ปัญหาให้นายทักษิณ พี่ชายที่หนีคดีอยู่ จะแก้ปัญหาให้ประชาชนทุเลาลงได้มากกว่านี้หลายเท่า แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ มัวแต่นวยนาด กว่าจะลงมือแก้ปัญหาจริง ก็กลางเดือนก.ย.54 ทั้งที่พายุไหหม่าและนกเต็น มีสัญญาณตั้งแต่เดือนมิ.ย.และก.ค. กว่าจะตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ช่วงเดือนต.ค.
นายเสกสกล กล่าวว่า หลายฝ่ายถอดบทเรียนตรงกันว่าปัญหาใหญ่ส่วนหนึ่งในอุทกภัยปี 54 เพราะประสิทธิภาพของรัฐบาล ที่ทำงานมุ่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นหลัก ขาดความรวดเร็ว คิดไม่รอบด้าน ขาดการวางแผนและเตรียมการป้องกันที่ดี เอาการเมืองมาเกี่ยวข้อง แย่งซีนกันทำงาน และสื่อสารในยามวิกฤตล้มเหลว
ยกตัวอย่างการแถลงข่าวผ่านถ่ายทอดสดของนายปลอดประสพ หัวหน้าทีมปฏิบัติการศปภ.เมื่อ 13 ต.ค. 2554 ว่าสถานการณ์น้ำท่วมในปทุมธานีเริ่มวิกฤต และเตือนประชาชนในพื้นที่ อพยพมาอยู่ที่ดอนเมือง จนสร้างความปั่นป่วนไปทั่ว และศูนย์ศปภ.ยังเป็นภาระของสังคม รวมถึงมีการมุมมิบของบริจาค ติดป้ายเอาหน้าหาเสียง
ส่วนนายกิตติรัตน์ ร้องไห้กับนักลงทุนต่างชาติ แต่เวลานั้นสิ่งที่ประชาชนจำได้คือ ทหาร จิตอาสา อาสาสมัครภาคประชาชนและสื่อมวลชนมาช่วย ดังนั้น การมาฟอกตัวเรื่องพ.ร.ก.น้ำ 3.5 แสนล้านบาท ก็บิดเบือน เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น เพราะโครงการน้ำที่เร่งรัดผลักดันให้เอกชนยื่นข้อเสนอ ยื่นราคารับเหมา โดยไม่มีราคากลาง งดเว้นระเบียบราชการ แต่ตั้งกรอบงบเอาไว้ตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท ถูกครหาส่อทุจริต เพราะผู้ประมูลได้คือ กลุ่มเค-วอเตอร์ จากเกาหลีใต้ หลังจากที่นายทักษิณ ไปเยี่ยมเค-วอเตอร์ ในเกาหลีใต้ โดยวงเงินที่เสนอราคาชนะ พอดีกับกรอบวงเงินที่ตั้งไว้
ทั้งนี้ โครงการทั้งหลายที่เซ็นสัญญากับเอกชน หลายโครงการยังไม่เคยศึกษาความคุ้มค่าและผลกระทบ หากเดินหน้าต่อ สุ่มเสี่ยงจะเกิดค่าโง่มโหฬารและเกิดความเสียหายบานปลาย และหลังยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีการดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำจำนวนมากในหลายพื้นที่ หลายลุ่มน้ำ ด้วยวิธีการจัดซื้อจัดจ้างปกติ ไม่ต้องออกกฎหมายเฉพาะกิจเพื่อกู้เงิน และยกเว้นระบบราชการ เสมือนอาจเตรียมการโกงกินหาเงินทอนใต้โต๊ะจากโครงการน้ำ ที่ไร้ความจริงใจแก้ไขให้ประชาชน
“น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกคลิปน้ำท่วมปี 54 จึงเป็นดราม่า เพียงแค่แก้ตัวน้ำขุ่น หวังฟอกตัวแบบไม่เกรงใจประชาชน โยนบาปให้คนอื่นทั้งหมด ยกเว้นพวกตัวเองที่เป็นคนบริหารจัดการล้มเหลว คนอย่างน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีภาวะความเป็นผู้นำ ไร้ความรับผิดชอบต่อการบริหารจัดการน้ำท่วม ทำให้แก้ปัญหาล้มเหลว และยังปัดความรับผิดชอบให้คนอื่นเช่นนี้ ยิ่งออกมาพูดแก้ตัวยิ่งอายปากตัวเองมากกว่า หยุดอ้าปากพูดจะได้ประโยชน์มากกว่า” นายเสกสกล กล่าว
ที่มา .khaosod