กุ้ง สุธิราช ผันตัวมาเป็นพ่อค้าขายต้นไม้ จริงจังเปิดเป็นธุรกิจ-เคลียร์ข่าวเจ้าชู้เงียบ อยากโฟกัสเรื่องงานและแฟนคลับ

ด้วยสถานการณ์ของโควิด-19 ที่ระบาดหนักมาตั้งแต่ระลอกแรก ทำให้ นักร้องลูกทุ่ง และนักแสดงลิเก กุ้ง สุธิราช วงศ์เทวัญ ต้องเผชิญปัญหา ถูกเลื่อนงานแสดงลิเกและงานคอนเสิร์ต ออกไป โดยขาดรายได้จากตรงนั้นมาร่วม2ปี

กระทั่งเจ้าตัวได้ผันมาเป็นพ่อค้าขายต้นไม้ เปิดเพจทำเป็นธุรกิจจริงจัง และล่าสุด กุ้ง สุธิราช ได้แง้มกับ ข่าวสดบันเทิงออนไลน์ ว่าราคาที่ขายบางต้นสูงถึงหลักแสน

พร้อมกันนี้เจ้าตัวได้เล่าที่มาของธุรกิจต้นไม้ และเคลียร์ข่าวลือที่ถูกมองว่าเป็นคนเจ้าชู้ ไม่ยอมเปิดตัวแฟน เพราะหวงความโสด

ชีวิตพลิกผันมาเป็นพ่อค้าขายต้นไม้ได้ยังไง?

“ทุกอย่างเริ่มจากโควิด เพราะว่างานเราที่ทำอยู่เป็นประจำ อย่างงานลิเก ร้องเพลง มันโดนเลื่อนไปหมดเลย เราจะได้รับผลกระทบก่อนตั้งแต่เริ่ม ก็ต้องหยุดการละเล่นก่อน แล้วกว่าจะกลับมาก็ทีหลังเลย ด้วยความเป็นลิเก เจ้าภาพเขาจะหางานปีต่อปี ซึ่งโควิดมันก็เข้ามาในช่วงที่เรากำลังรับงานพอดี มันก็เลยไม่ได้เล่น เลื่อนไป2ปีแล้ว ตอนนั้นก็คิดว่าจะหาอะไรทำดี ก็เลยปลูกต้นไม้ เลี้ยงต้นไม้ มีน้องๆ แนะนำ ชวนมาเข้ากลุ่มต้นไม้ฟอกอากาศ ก็เลยเข้าไป

ในช่วงโควิดรอบแรกก็ไปเดินตลาดต้นไม้ ไปดูไปซื้อมาบ้าง ก็รู้สึกชอบมันท้าทายดี กับการที่เราจะได้เรียนรู้ว่าต้นไม้มันจะโตขนาดไหน หรือมันจะตาย มันได้ลุ้นก็เลยซื้อมาเรื่อยๆ จากต้นไม้ใบเขียว ทั่วไป มามอนสเตอร่า แล้วก็มาเล่นไม้ด่าง พอมาเล่นไม้ด่าง มันก็เริ่มสนุกเรื่อยๆ”

ตอนแรกกะเลี้ยงเล่นๆหรือว่าวางแผนไว้ว่าจะทำการค้า?

“ไม่เลย คิดแค่เลี้ยงเอาไว้ประดับบ้านดูสวยงาม ไม่เคยคิดจะขาย จากวันนั้นที่เลี้ยงมาตั้งแต่ต้นเล็กๆจนโตแล้วก็ตัดขยายไปเรื่อยๆ ก็ยังไม่คิดจะขายเลย แล้วก็กะว่าให้มีเยอะๆ ตอนนั้นรู้สึกแบบนั้น จนมาช่วงหลังๆ คนเห็นที่เราโพสต์ก็มาถามว่ามีแบ่งไหม เราก็เลยคิดว่าลองดู

ก็เลยตัดยอดอีกต้นหนึ่งไปลงเสนอราคา ก็มีคนสนใจเยอะ เพราะว่าเป็นต้นไม้หายาก แต่พอได้เงินมา เราก็รู้สึกว่า โอเคนะ ก็ดีนะ มันทำเงิน เราก็เลยรู้สึกว่าที่เราเลี้ยงเขามาด้วยความรักด้วยความทะนุถนอม ดูแลเขาทุกวัน มันถึงเวลาที่เขาจะให้คุณกับเราบ้าง ประมาณนี้ (หัวเราะ)”

ตอนนี้เรียกว่าเป็นอาชีพหลักของเราไปแล้ว?

“ตอนนี้มันเป็นเพียงการเริ่มต้น พอดีเราได้เจอเพื่อนเราที่ชอบเหมือนกัน เราก็เลยชวนกันมา ลองทำสวนกันไหมอยากทำธุรกิจด้วยกัน ซึ่งมันเป็นงานที่เรารัก คือมันเป็นต้นไม้ที่เราอยากเลี้ยงอยู่แล้ว ก็เลยปรึกษากันว่ามาลองดู ก็เพิ่งไม่นานมานี้เอง ก็เริ่มที่จะเปิดเป็นเพจ KS Garden ก็คือย่อมาจาก กุ้ง สุธิราช นี่แหละ ก็มีต้นไม้หลากหลายทั้งที่เราเลี้ยงไว้ เราซื้อมาขยายพันธุ์ นำเข้ามาบ้าง ก็มีเยอะเหมือนกัน ก็เอามาไลฟ์สดที่เพจ ก็จะมีน้องที่เป็นแดนเซอร์มาร่วมไลฟ์ด้วย สนุกๆขำๆ”

เห็นบรรยากาศการไลฟ์แล้วสนุกสนานมาก?

“มันเป็นคอนเซ็ปต์ของ KS Garden ไปแล้ว เราอยากให้มันเป็นความบันเทิง เขารู้อยู่แล้วว่าเราเป็นนักร้อง เราเป็นลิเก ก็เลยสร้างความบันเทิงไป คือมีน้องที่เป็นตลกเล่นคู่กับเราอยู่แล้ว เราก็เลยคิดว่าเอามาคู่กัน เล่นให้สนุกให้คนมาดูไม่เบื่อ คือคนมาซื้อต้นไม้ แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น และอีกอย่างหนึ่งเราก็มีการแจกให้จำ ใครเข้ามาเราก็จะแจกต้นไม้ดูดี มีราคา บางทีมีถึงหลักหมื่นด้วย แจกคนที่มาร่วมสนุกกันในแต่ละรอบ วันนึงก็แจกหลายต้นเหมือนกัน ส่วนราคาขายก็ไม่สูงมากจนเกินไป แล้วก็ไม่ต่ำมากจนเกินไป สามารถแตะต้องได้”

ราคาต้นไม้ของเราที่แพงสุดอยู่ที่ราคาเท่าไหร่?

“โห ตอนนี้พูดได้เลยว่ามีหลักหลายแสน คือต้องมาดูกันอีกที คือเราตั้งใจอยากจะมาทำสวน อันนี้มันเป็ผลพลอยได้จากต้นแม่ ก็อาจจะขยายพันธุ์ไปเรื่อยๆ เอาตอนลูกๆมาทำบ้าง”

เรากำลังจะเปิดตัวเป็นธุรกิจต้นไม้?

“ใช่ครับเรากำลังจะทำเป็นธุรกิจต้นไม้ เปิดเป็นเพจแล้วแล้วก็เอาต้นสวยๆมาเสนอราคาในกลุ่มบ้าง ก็คือจะมีพรรคพวกอีกกลุ่มหนึ่ง ที่เป็นกลุ่มรักในต้นไม้จริงๆ เขาก็จะเข้ามาพูดคุย ทักข้อความมาบ้าง เราไปเยี่ยมสวนเขาบ้าง บางทีเราเสนอราคาปั๊บเขาได้ เขาชนะ ก็ไปส่งเองถึงที่เลย ไปชมสวนเขา บางทีเงินที่ได้จากเสนอราคาไปนั้น ไม่เหลือ เพราะว่าเราเอาเงินนั้นซื้อต้นไม้เขากลับมา”

แล้วในเรื่องของรายได้จากการแสดงคอนเสิร์ต -ลิเก ที่มันหายไป2ปี ส่งผลกระทบความเสียหายหนักขนาดไหน?

“ถามว่าเสียหายไหม เสียหายนะ เพราะว่าเราเพิ่งลงทุนไปด้วยไง งานลิเกเพิ่งลงทุนซื้อฉาก LED หลังเวทีก็คือจะเป็นฉาก LED ทั้งหมด แล้วก็เพิ่งเล่นได้ 2-3งาน ตอนนี้ก็คือรองาน ที่จะได้กลับมาเล่น ซึ่งเจ้าภาพหลายเจ้าเขาก็ใจดี เขาก็เลื่อนให้จากปีนี้ไปเป็นปีหน้า บางเจ้าภาพเลื่อนมา 2 ปีแล้ว ปีนี้เล่นไม่ได้ก็เลยเลื่อนไปเป็นปีหน้า ยังดีไม่ได้ยกเลิก แค่เลื่อนไป”

อย่างที่ทราบกันดีว่าคณะลิเกคณะหนึ่งมีหลายชีวิต แล้วสมาชิกคนอื่นๆ แยกย้ายไปทำอะไร หรือเรามีการดูแลยังไงบ้าง?

“ก็ขายของ ขนมต่างๆ ขนาดเรายังทำเลยเพราะว่าเราก็ไม่เคยทำ บางคนลำบากเราก็ช่วยเหลือกันอยู่ มีอะไรก็แบ่งปันกันครับ อย่างลูกน้องมาจากหลายที่ ตอนนี้ก็ไปรับเชิญคณะอื่นบ้าง”

ห่างเวทีไปนานต้องมีฝึกฝนไหมหรือว่ากลับมาก็คือพร้อม?

“จริงๆมันพร้อมทุกอย่าง เพราะว่าเราฝึกมาตั้งแต่เด็กแล้ว ก็เหลือแค่มีการทบทวนนิดหน่อย มีการประยุกต์เข้ามาให้ดูตื่นเต้นให้ดูสนุกขึ้น อันนี้มันก็จะต้องอยู่ที่หน้างาน แต่ละคนก็ฝึกมาตั้งแต่เด็กแล้วเหมือนเรามันก็น่าจะไม่ยาก”

แฟนคลับ-แม่ยก มีบ่นคิดถึงเราบ้างไหม?

“ก็นี่ไงครับ บางทีเราก็มาไลฟ์สดร้องเพลงให้เขาฟังบ้าง ขายของเล็กน้อย ขนมบ้างต่างๆ ก็คือขายไปแล้วก็คุยกันไป หลายคนก็บ่นว่าคิดถึงหน้าเวทีแล้ว อยากดูหน้าเวที เราก็มาร้องเพลงให้เขาฟังบ้าง มาที2- 3 ชั่วโมง แล้วแต่โอกาส”

นอกจากเรื่องงานของเราแล้ว เรื่องหัวใจ เรื่องแฟน ไม่เคยมีเล็ดลอดออกมาเลย?

“ชอบอยู่เงียบๆ(ยิ้ม)”

มีอะไรพิเศษอัพเดตกับข่าวสดไหม?

“ก็อยากอยู่แบบนี้ไปนานๆ อยู่เป็นกำลังใจให้แฟนๆไปนานๆ ไม่ค่อยพูดถึงเรื่องความรัก เพราะว่าด้วยอาชีพเราอยู่ตรงนี้อยู่แล้ว ก็อยากจะทำหน้าที่ตรงนี้ของเราให้ดีที่สุด ให้รู้สึกว่าเรายังให้ความสำคัญกับงานกับแฟนเพลงเป็นอันดับแรก เรื่องส่วนตัวไม่ได้รีบ อยู่เฉยๆ แบบธรรมชาติ ”

สรุปง่ายๆ ว่าเราไม่อยากจะโฟกัสตรงนั้น อยากจะให้ความสำคัญในเรื่องของงานและแฟนคลับมากกว่า?

“ใช่ครับ ถูกต้องครับ ทำมาหากินก่อนดีกว่า”

ที่ไม่เปิดเผยว่ามีแฟน ไม่เกี่ยวใช่ไหม ว่าเราเป็นคนเจ้าชู้ ตามกระแสข่าวที่เคยมีมาอย่างต่อเนื่อง?

“(หัวเราะ) ไม่หรอก เป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เป็นคนเฟรนด์ลี่มากกว่า มีบ้างธรรมดาผู้ชายอาจจะพูดคุยบ้าง แต่จริงๆ เป็นคนขี้อายนะ ไม่ค่อยกล้าคุย คือจะเจ้าชู้ทางสายตา กรุ้มกริ่มแบบนั้นมากกว่า”

หากมีแฟน เราเป็นคนที่ชอบถูกจีบหรือเป็นฝ่ายไปจีบ?

“โดยปกติจะเป็นคนที่ถูกจีบมากกว่านะ ก็อาจจะมีบ้าง แต่เราไม่ได้เป็นฝ่ายบุกถึงขั้นน่ากลัว ก็จะสื่อสารทางสายตามากกว่า ถ้าเกิดสปาร์กกันก็อาจจะได้คุยกัน แต่ไม่ใช่เป็นคนที่รุกจีบหนักๆ”

คนรุ่นเดียวกันกับเรา หลายๆคนเขาก็แต่งงานมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว เรามีวาดฝันถึงงานแต่งของเรา หรือชีวิตครอบครัวของเราไหม?

“ปล่อยให้มันเป็นตามเวลาดีกว่า ผมก็เห็นนะเพื่อนๆมี ก็ดีนะ คือเราก็มีพ่อมีแม่เป็นตัวอย่าง เวลาที่เราเห็น เราก็รู้สึกว่ามันก็ดีนะ แต่แล้วแต่โอกาสแล้วแต่เวลาดีกว่า”

ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวสด