อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิชื่อดัง ใช้รถตู้พยาบาลขน แรงงานชาวเมียนมา 10 ราย เข้าส่วนกลาง ก่อนถูกทหารกองกำลังเทพสตรีรวบคาด่าน ขณะเปิดสัญญานไฟและไซเรน เพื่อมุ่งหน้าเข้า กทม.

เมื่อช่วงค่ำคืน วันที่ 27 ตุลาคม 2564 พันเอก ภูมิพัฒน์ บุญเรืองขาว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี ได้รับรายงานจาก เจ้าหน้าที่ทหารประจำจุดตรวจศิลาสลัก ร้อย.ร.2521 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี ซึ่งเป็นด่านตรวจบนถนนเพชรเกษม รอยต่อระหว่าง จังหวัดระนอง – จังหวัดชุมพร ว่า ขณะทำการตรวจรถทุกชนิดที่เข้าออกจังหวัดระนอง ได้พบ รถตู้พยาบาล รับส่งผู้ป่วย ยี่ห้อโตโยต้า Commuter สีบรอนซ์ ด้านหน้ารถพิมพ์อักษร AMBULANCE และด้านข้าง ติดโลโก้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดไฟสัญญานฉุกเฉิน เพื่อจะผ่านด่านขาออก มุ่งหน้าไปจังหวัดชุมพร

ทหารประจำด่าน เห็นผิดสังเกต ไม่ใช่รถพยาบาลในพื้นที่ จึงขอเรียกให้หยุดและขอทำการตรวจภายในรถพยาบาลคันดังกล่าว โดยคนขับรถตู้พยาบาลและผู้ที่นั่งมาในตอนหน้าต่างสวมชุดPPE และหน้ากากป้องกันเชื้อโรค ทราบชื่อต่อมา คนขับ คือ นายประสิทธิ์ หรือสิทธิ์ สุขเกษม อายุ 33 ปี พร้อมด้วย น.ส.น้ำทิพย์ ปิ่นเพรช อายุ 35 ปี ชาวภูมิลำเนาชาว อำเภอ วชิรบารมี จังหวัดพิจิตร

จากการตรวจสอบภายในรถตู้พบ แรงงานชาวเมียนมา อายุระหว่าง 18-39 ปี จำนวน 10 คน เป็นชาย 3 คน 7 คน นั่งอัดกันมาเต็มคันรถ โดยเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังเทพสตรี ได้สอบถามผ่านล่ามทราบว่าชาวเมียนมาทั้ง 10 คน เดินทางมาจากกรุงเนปิดอว์ และ เมืองทวาย ประเทศเมียนมา โดยได้เข้ามาทำงานในจังหวัดระนอง เป็นเวลาประมาณ 1 เดือนเศษ หลังจากนั้นได้มีผู้มาติดต่อเพื่อให้ไปทำงานที่กรุงเทพฯ ทั้งหมดจึงมารวมตัวกัน เพื่อรอรถมารับบริเวณปากซอยแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง ก่อนมีนายหน้าพาขึ้นรถพยาบาลออกเดินทางจากจังหวัดระนองในช่วงค่ำ

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายประสิทธิ์ คนขับรถตู้พยาบาลให้การยอมรับว่า ตนเอง ได้รับการว่าจ้างและติดต่อมาทางเพจ จากนายหน้าชื่อ นายเป่า สัญชาติเมียนมา ให้เดินทางจาก กทม. ไปรับชาวเมียนมาที่ จ.ระนอง ทั้ง 10 คนจริง โดยนายเปา เป็นคนนำแรงงานชาวเมียนมา ทั้งหมดมารอขึ้นรถคันดังกล่าวด้วยตัวเอง และจ่ายค่าจ้างในการนำพาเป็นเงินสด จำนวน 14,000 บาท เพื่อให้ไปส่งในพื้นที่กรุงเทพฯ และให้ถือเอกสารประจำตัวของชาวเมียนมาไว้เพื่อยืนยันว่าเป็นแรงงานที่ขึ้นทะเบียนถูกต้อง

แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่าเป็นเอกสารที่ปลอมแปลงขึ้นมา ซึ่งนายเปา ได้ขึ้นรถเดินทางออกจาก จ.ระนองมาด้วยกัน แต่เมื่อมาถึงกลางทาง บริเวณสี่แยกแยกไฟแดง อ.กระบุรี จ.ระนอง นายเปา ได้ขอลงจากรถพยาบาลไปก่อน อ้างไปทำธุระต่อ จนมาถึงจุดตรวจทหาร จึงถูกจับกุมดังกล่าว

นายประสิทธิ์ คนขับรถตู้ ตอบคำถามเจ้าหน้าที่ว่า โดยปกติจะวิ่งงาน รับผู้เสี่ยงติดเชื้อในกรุงเทพอยู่แล้ว โดยเข้ามาจังหวัดระนอง เพื่อรับกลุ่มแรงงานดังกล่าว ก่อนหน้าจะวิ่งส่งผู้ป่วยที่รักษาตัวแล้ว ส่งกลับภูมิลำเนา ซึ่งล่าสุดผู้ว่าจ้างได้ติดต่อผ่านทางเพจมา ให้มารับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง เพื่อส่งไปกักตัวที่กรุงเทพฯ เพราะว่ามีนายจ้างอยู่กรุงเทพฯ และเป็นการติดต่อให้มารับเป็นรอบที่สอง เหมือนกับที่เคยมารับรอบที่ผ่านมา โดยคิดค่าจ้างเหมาทั้งคันเที่ยวละ 14,000 บาท และผู้ว่าจ้างยืนยันว่าแรงงานทุกคนมีบัตรเอกสารประจำตัวถูกต้อง

เจ้าหน้าที่ทหารยังไม่ชื่อตามคำให้การเบื้องต้น ได้ควบคุมผู้นำพาที่อ้างเป็นอาสาสมัครกู้ภัย ทั้ง 2 ราย และแรงงานชาวเมียนมา ทั้ง 10 ราย ส่งตัวให้กับร้อยเวร พงส.สภ.ปากจั่น อ.กระบุรี ทำการสอบสวนอย่างละเอียด และได้ประสานไปยังมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ว่า นายนายประสิทธิ์ และนางสาวน้ำทิพย์ เป็นอาสาสมัครของมูลนิธิหรือไม่ รวมทั้งรถตู้พยาบาลฉุกเฉินคันดังกล่าว ได้รับอนุญาตหรือเป็นทรัพย์สินของมูลนิธิหรือไม่

เนื่องจากผู้กระทำความผิดได้ทำเครื่องหมาย ติดตั้งอุปกรณ์และสัญลักษณ์ต่างๆขึ้นมา เพื่อใช้ลักลอบขนแรงงานต่างด้าว และได้มีการติดตั้งและเปิดสัญญานไฟ ไซเรนฉุกเฉินด้วย เป็นการตบตาเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจ แต่เจ้าหน้าที่มีปฏิภาณไหวพริบ แม้ว่าจะเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินขอเปิดทางแต่เจ้าหน้าที่ก็ยังขอตรวจรถตู้พยาบาล จนนำมาสู่การจับกุมดังกล่าว

ที่มา : CH3ThailandNews