พาณิชย์ ถกผู้ผลิต ค้าปลีก เติมเต็มสต๊อกสินค้า ยืนยันไม่ปล่อยให้ขาดตลาด
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมามีประชาชนจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ซึ่งกรมการค้าภายในได้ติดตามสถานการณ์ปริมาณสินค้า และการจำหน่ายกับผู้ประกอบการห้างค้าปลีกค้าส่ง ร้านสะดวกซื้อ และผู้ผลิต พบว่าประชาชนจะซื้อสินค้าในร้านโชว์ห่วย หรือร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน ส่วนห้างค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่จะซื้อสินค้าในกลุ่มอาหารซอสปรุงรส อุปกรณ์ประกอบอาหาร และของใช้ในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้นประมาณ 20%-30% เนื่องจากลดจำนวนครั้งในการซื้อลง แต่เพิ่มปริมาณในการซื้อแต่ละครั้ง และส่วนหนึ่งได้หันไปสั่งซื้อช่องทางออนไลน์ของทางห้างและแพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ เพิ่มขึ้น
นายวัฒนศักย์กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ด้านปริมาณสินค้าห้างค้าปลีก ค้าส่งและร้านสะดวกซื้อยืนยันว่ามีการเตรียมสต๊อกสินค้าไว้อย่างเพียงพอ และได้จัดเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมสินค้าอย่างต่อเนื่อง และสำหรับหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า หน้ากากทางเลือก และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือยังคงมีปริมาณมากและเพียงพอ
นายวัฒนศักย์กล่าวว่า ในส่วนของผู้ผลิตสินค้ายืนยันว่ายังคงสามารถผลิตและจัดส่งสินค้าได้ตามปกติ โดยมีสัดส่วนการจำหน่ายผ่านร้านท้องถิ่น และร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากโครงการของรัฐบาลทำให้ผู้ประกอบการรายย่อย และร้านค้าท้องถิ่น สามารถยังคงอยู่ได้ในสถานการณ์เช่นนี้ อย่างไรก็ตาม หากความต้องการเพิ่มขึ้นผู้ผลิตยังคงมีสต็อกที่สามารถจัดส่งและเพิ่มกำลังผลิตได้อีก จึงมั่นใจว่าสินค้ามีเพียงพออย่างแน่นอน
นายวัฒนศักย์กล่าวอีกว่า ได้ขอความร่วมมือห้างค้าปลีกค้าส่งให้ตรึงราคา และต้องจำหน่ายหน้ากากอนามัยไม่เกินกว่าราคาที่กำหนด จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่าปริมาณสินค้ามีเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องกักตุน และขอให้จัดซื้อตามที่จำเป็น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะได้ติดตามตรวจสอบสถานการณ์การผลิตและจำหน่ายสินค้าอย่างใกล้ชิด
“หากตรวจพบว่ามีการจำหน่ายสินค้าในราคาแพงเกินสมควร หรือมีการกักตุน หรือปฏิเสธการจำหน่าย จะมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีที่ไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายจะมีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 10,000 บาท
“ทั้งนี้ ประชาชนพบเห็นการกักตุนสินค้า หรือขายสินค้าโดยไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ” นายวัฒนศักย์กล่าว
ขอบคุณที่มา MATICHON