วันที่ 24 พ.ย.2564 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผบช.น. หน.ชุดที่ 4 ตำรวจ PCT แถลงผลการจับกุม นายกวินกรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี เจ้าของแชร์ลูกโซ่ออนไลน์ MBC Club หลังมีผู้เสียหายรายหลายเข้าแจ้งความ มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 1,000 ล้านบาท
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า เป็นไปตามนโยบาย ของพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ให้จับกุมการกระทำความผิดด้วยการใช้อินเตอร์เน็ต การลงทุนออนไลน์ โดยคดีนี้เมื่อประมาณปี 2562 ได้มีกลุ่มบุคคลนำโดย นายกวินกรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี ได้ร่วมกันเปิดแผนการลงทุนชื่อ MBC Club มีแพ็คเกจการลงทุนต่างๆ มากมาย
เช่น แพ็กเกจลงทุน Member ทุนเริ่มต้น 50,758 บาท, แพ็กเกจ Silver ทุนเริ่มต้น 253,750 บาท, แพ็กเกจ Titanium ทุนเริ่มต้น 507,500 บาท, แพ็กเกจ Gold ทุนเริ่มต้น 2,537,500 บาท และแพ็กเกจ Platinum ทุนเริ่มต้น 5,075,000 บาท โดยทุกแพ็กเกจทาง Club จะเพิ่มเงินลงทุนให้เฉลี่ยร้อยละ 10-30 แล้วแต่ประเภทแผนการลงทุน ส่วนเงินปันผลจะตอบแทนทุก 40 วัน เฉลี่ยเป็นกำไรถึงกว่าร้อยละ 30 ต่อประเภทการลงทุน
โดยนายกวินกรณ์ จะแอบอ้างกับผู้เสียหายว่าจะนำเงินดังกล่าวไปลงทุนในต่างประเทศ มีเงินปันผลคิดเป็นกำไรเฉลี่ยร้อยละ 40 ต่อเดือน ต่อมาช่วงปลายปี 2562 ยังได้ออกแพ็กเกจการลงทุนแบบใหม่ชื่อ Save Coin SME
โดยการทำเหรียญดิจิทัลชื่อ CMBC Coin ในราคา 14.80 เหรียญสหรัฐ ผู้ลงทุนจะได้ปันผลร้อยละ 20 ต่อเดือน ซึ่งผู้เสียหายจะต้องเปิดกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ชื่อ CMBC Wallet และสามารถนำไปขายในกระดานสนทนาชื่อ FFF Exchange
สามารถนำไปชำระค่าน้ำค่าไฟผ่านแอพพลิเคชั่นชื่อ P berm pay อีกด้วย
นอกจากนั้นยังมีการเทคนิคการโกงด้วยการกระตุ้นให้ผู้เสียหายรีบเร่งลงทุนต่างๆ เช่น หากลงทุนครบ 40 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 62 จะได้รับรถยนต์เก๋งหรู ยี่ห้อ Porsche 718 Boxster 1 คัน ซึ่งต่อมาเงินที่ลงทุนไปแล้วทั้งหมดไม่สามารถเบิกถอนกลับมาได้
รวมถึงเงินดิจิทัลก็ไม่สามารถนำไปชำระค่าสาธารณูปโภคตามที่กล่าวอ้างได้แต่อย่างใดและผู้ต้องหาได้หลบหนีไป การหลอกลวงดังกล่าวเป็นเหตุให้มีผู้เสียหายจำนวนมาก กลุ่มผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ นายกวิณกรณ์ เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อตำรวจ PCTชุด4 ได้สืบสวน จนสามารถจับ นายกวิณกรณ์ อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตราด ที่ 86/63 ลง 25 ธ.ค.63 ในความผิดฐาน “ร่วมฉ้อโกงประชาชน” และผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.892/2564 ลง 1 พ.ย.2564 ข้อหาฉ้อโกง, พรบ.คอมพิวเตอร์ โดยจับกุมตัวได้ที่ป้ายรถเมล์ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าย่าน งามวงศ์วาน-แคราย ถ.รัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี และนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ไปดำเนินคดี
พล.ต.ต.ไตรรงค์ กล่าวว่า นายกวิณกรณ์ รับว่าได้กระทำความผิดกับผู้เสียหายอีกหลายราย เบื้องต้นคาดว่ามีผู้เสียหายกว่า 1,000 ราย คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบอีกว่า นายกวิณกรณ์เคยร่วมกันกับพวกกระทำความผิดเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ โดยเปิดบริษัทชื่อ พีบี.สมาร์ทฟาร์เมอร์ ซึ่งอ้างว่านำเทคโนโลยีการเกษตรมาผลิตกระแสไฟฟ้าพลังานแม่เหล็ก มาเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์อีกด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาต่อไป
ที่มา khaosod