นักวิ่งสาวเหนือหน้าใสจากจังหวัดน่าน พูดน้อยแต่วิ่งเร็ว ด้วยองค์ประกอบที่ครบเครื่องทำให้เธอเหมาะที่จะก้าวขึ้นมาเป็นสปอร์ตไอดอลแห่งวงการวิ่งในอนาคต และนี่คือเรื่องราวของนักวิ่งดาวรุ่งทีมชาติไทยที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการเป็นแชมป์กีฬาสี

1.น้องบูม เกิดในครอบครัวระดับปานกลาง มีพ่อเป็นทหารยศร้อยตรี ส่วนแม่มีอาชีพค้าขาย ตอนเด็กน้องบูมค่อนข้างชื่นชอบการเล่นกีฬา แต่ไม่ถึงขั้นเสพติด แค่รักสนุกแต่ไม่คิดจริงจังอะไรมาก

2.จนกระทั่งน้องบูมเข้าเรียนชั้น ม. 1 ที่โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม บูม มีโอกาสได้ลงแข่งขันกีฬาสีของโรงเรียน และสามารถคว้าแชมป์วิ่ง 100 ม. แม้จะเป็นเหรียญเล็ก ๆ จากการลงแข่งสนุก ๆ แต่นี่คือจุดเริ่มต้นที่พาเธอมาถึงทีมชาติทุกวันนี้

3.หลังจากได้แชมป์กีฬาสี เธอถูกครูพลศึกษาชักชวนให้มาเป็นนักวิ่งโรงเรียนไปแข่งในระดับจังหวัด ซึ่งเธอก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ได้แชมป์วิ่ง 400 ม. ส่วนวิ่ง 100 ม.ระยะถนัดเธอจบที่ 4

4.พอขยับขึ้นชั้น ม. 2 ด้วยความเป็นรักสนุกใครชวนอะไรก็ทำตามประสาวัยรุ่น เธอจึงมีโอกาสได้เข้าไปเป็นนักฟุตซอลหญิงของโรงเรียน โดยเล่นตำแหน่งกองหน้า แม้เธอจะบอกเราว่าแค่เล่นคลายเครียด แต่ก็ได้เป็นถึงตัวแทนโรงเรียนไปแข่งรายการต่าง ๆ ในระดับจังหวัด

5. จากเด็กที่เล่นกีฬาเพราะรักสนุก ๆ ถูกจุดประกายฝันขึ้นครั้งแรกเมื่อตอน ม.4 หลังเธอถูกส่งเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งวิ่งคัดเลือกระดับภูมิภาค ก่อนจะทำได้สำเร็จเป็นตัวแทนภาคเหนือลงแข่งวิ่ง 100 ม.ในระดับประเทศ และในปีเดียวกันเธอยังผ่านการคัดตัวเข้าร่วมโครงการสปอร์ตฮีโร่ โครงการพัฒนานักกีฬาท้องถิ่นของการกีฬาแห่งประเทศไทย จากความยอดเยี่ยมทั้ง 2 รายการทำให้ บูม ค้นพบความฝันของตัวเองเป็นครั้งแรกนั่นคือการเป็นนักวิ่งทีมชาติ

6. บูม เป็นนักวิ่งระยะสั้นร่างเล็กมีส่วนสูงเพียง 154 ซม. แต่ต้องบอกว่าจิ๋วแต่แจ๋ว เพราะจุดเด่นของเธอคือการออกตัวอันยอดเยี่ยมเหมือนม้าตีนต้น ทำให้เธอถูกเลือกให้เป็นไม้ 1 ในทีมผลัดทั้งในทีมชาติและทีมโรงเรียน

7. หลังจากนั้น บูม เริ่มประสบความสำเร็จระดับประเทศ ได้รองแชมป์ วิ่ง 100 ม. กีฬาเยาวชนแห่งชาติที่บุรีรัมย์ สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ไม่รอช้าจัดการดึงตัวเธอเข้าร่วมโครงการดาวรุ่งมุ่งโอลิมปิก ซึ่งเป็นแผนงานปั้นนักกีฬาในระยะยาวโดยมีโอลิมปิกเกมส์เป็นเป้าหมาย ทำให้ บูม ถูกคาดหวังจะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของลมกรดไทย

8. ในปี 2019 หลังจากที่ บูม เข้าร่วมโครงการฯ เธอได้เป็นตัวแทนเยาวชนทีมชาติไทยไปแข่งขันในระดับนานาชาติและโกยเหรียญรางวัลกลับมาได้ตลอด ไล่ตั้งแต่ เหรียญเงินวิ่งผลัด 4×100 ม.หญิง ในศึกซียูธ เเอธเลติค เเชมเปี้ยนชิพ 2019 ที่ฟิลิปปินส์ , 2 เหรียญเงิน อาเซียนสคูลเกมส์ จากผลัดผสม 4×100 ม. ชายหญิงและผลัด 4×100 ม.หญิง

9. ขณะที่รายการในประเทศ เธอคว้า 2 เหรียญเงินไทยแลนด์โอเพ่น และอีก 2 เหรียญเงินในศึกชิงแชมป์ประเทศไทยในรุ่นเยาวชนจากรายการ วิ่ง 100 ม. และผลัด 4×100 ม.หญิง

10. ไม่เพียงแค่นั้น การได้เข้าร่วมโครงการดาวรุ่งมุ่งโอลิมปิก ทำให้เธอยังได้เข้าร่วมเก็บตัวทีมชาติร่วมกับ อรอุมา เชษฐา นักวิ่งทีมชาติไทยผู้เป็นต้นแบบของ บูม ซึ่งไม่น่าแปลกใจเพราะทั้งสองคนมีความคล้ายกันคือ ตัวเล็ก ออกตัวดี ขณะที่บูมบอกบอกว่าดีใจมากที่ได้ซ้อมร่วมกันกับ อรอุมา ความใกล้ชิดกันในแคมป์ทีมชาติทำให้ทั้งสองคนสนิทกัน และบูมยังถือโอกาสนี้เรียนรู้ความมุ่งมั่นตั้งใจจากรุ่นพี่

11.จากความสำเร็จทั้งหมดที่เกิดขึ้นในปี 2019 ทำให้เธอมีชื่อติดทีมไปลุยซีเกมส์ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ในช่วงปลายปี แม้ว่าจะมีชื่อเป็นแค่ตัวรองแต่ก็ถือว่าได้ไปซึมซับประสบการณ์ในรายการระดับมหกรรมกีฬาสำคัญของคนอาเซียน ซึ่งในอนาคตหากเธอสามารถพัฒนาจุดอ่อนคือการสปริ้นท์ยาวๆได้โดยแรงไม่ตก ก็มีโอกาสที่เธอจะก้าวข้ามเหรียญเงินและไปคว้าเหรียญทองได้สักครั้ง

12. ปัจจุบันเธอเรียนอยู่คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชั้นปีที่ 1 ชีวิตในแต่ละวันของเธอนั้นเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง จากเด็กที่เล่นกีฬาเพราะความสนุก แค่อยากลงเล่น ไม่ได้อยากชนะ วันนี้ความนึกคิดของเธอเปลี่ยนไป อยากชนะ มีเป้าหมาย มีความรับผิดชอบมากขึ้น เรียน 9 โมง ถึง 4 โมงเย็น หลังจากนั้นต้องมาฝึกซ้อม แม้ชีวิตจะเหนื่อยหนักเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว อาจจะเหนื่อยและท้อบ้าง แต่เธอก็พร้อมจะพิสูจน์ตัวเองในระดับทีมชาติ

อัลบั้มภาพ 53 ภาพ

อัลบั้มภาพ 53 ภาพ ของ ปณิตา ปินไชย : จากแชมป์กีฬาสีสู่นักวิ่งทีมชาติ

ดูทั้งหมด
53 ภาพ

ขอขอบคุณ

ภาพ :boombow2002y

ขอบคุณข้อมูลจาก SANOOK