“หมออุดม”ผวาหลังตัวเลข’โควิด’ในไทยเริ่มกระดก ชี้ธ.ค.นี้ส่อเยอะขึ้น​ แต่ไม่มาก​ เตือน​ปชช.เคร่งครัดมาตรการ​ ระวังไม่ได้ฉลองปีใหม่​ ยกเคสยุโรป​ฉีดวัคซีนแล้วลั้ลลาทำยอดพุ่ง​ เผย​พยายามดึงนายกฯเรื่องผ่อนคลายไว้ ให้พอเหมาะพอสม ย้ำมติศบค.เปิดผับ​ บาร์​ 16​ม.ค.65​ เปิดเร็วเดี๋ยวสิ้นปีกร่อย

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล​ นพ.อุดม​ คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.​) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม​ ศบค.​ ถึงความเป็นห่วงกรณีที่มีหลายเทศกาลในเดือ​น ธ.ค.ว่า​ เป็นห่วงแน่นอน ถ้าดูสถานการณ์ทั้งโลกจะเห็นว่า ตัวเลขกำลังขึ้นมาก โดยเฉพาะในยุโรป และที่ผ่านมาสถานการณ์ของเราก็ตามยุโรป 2-3 เดือนทุกที ตนจึงคิดว่าการผ่อนปรนต้องทำแน่นอน เพียงแต่เราต้องเคร่งครัดเรื่องมาตรการ ทั้งการใส่หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง ไม่เช่นนั้นมันขึ้นแน่นอน เพราะขณะนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศเย็นไวรัสจะเติบโตได้ดี และเรื่องวัคซีนเริ่มเห็นได้ชัด ที่ยุโรปใช้วัคซีนที่ดี ครอบคลุม 70-80 เปอร์เซ็นต์​ก็กลับมาบ้านใหม่ สิ่งที่อยากจะเตือน คือ พอเราได้ฉีดวัคซีนแล้วเริ่มจะสบายใจ ลั้นลากันแล้ว ซึ่งในยุโรปภาพตรงนี้ชัดมาก พอฉีดวัคซีนแล้วไม่ใส่หน้ากากอนามัยเลย ไม่มีการเว้นระยะห่าง ทัศนคติตรงนี้ต้องช่วยกันปรับ อย่างเมื่อเช้าวันเดียวกัน​ดูตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ของไทยเริ่มกระดกขึ้นมาแล้ว และหลังจากเราเปิดอะไรสักอย่าง 2-4 สัปดาห์ ตนเชื่อว่าตัวเลขมันต้องขึ้นแน่นอน เพียงแต่อาจจะไม่เยอะ แต่จะทำให้เป็นปัญหาเกี่ยวกับการเปิดประเทศ อยากย้ำว่าวัคซีนสำคัญสุด ต้องช่วยกันฉีด เป้าหมายฉีดเข็มแรก 50 ล้านคน ขณะนี้ฉีดไป 47 ล้านคนแล้ว เหลืออีก 3 ล้านคน และเดือนธ.ค.จะครบเข็ม 2 เพราะวัคซีนเพียงพอแน่นอน อยากให้ช่วยกระตุ้นประชาชน อย่างน้อยไม่เจ็บป่วยรุนแรง

นพ.อุดม​ กล่่าวว่า องค์การอนามัยโลก​ (WHO) ออกมาเตือนว่าจะมีระบาดใหญ่ อีกทั้งได้ให้ข้อมูลด้วยว่า ประเทศที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าคนเจ็บป่วยรุนแรงน้อยกว่าประเทศที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์เป็นตัวหลัก ตอนนี้จึงอยากบอกว่าฉีดอะไรก็ได้ฉีดไปก่อน เราโชคดีที่มีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นตัวหลัก หรือแม้แต่การที่เราฉีดวัคซีนซิโนแวคเยอะ จากข้อมูลป้องกันเจ็บป่วยรุนแรงได้แน่นอน ตรงนี้ถือเป็นการช่วยประเทศ ช่วยให้ระบบสาธารณสุขไม่มีภาระมากเกิน ไม่เช่นนั้นเราจะมีปัญหาเรื่องเตียง

“อันนี้พูดตรงๆ ปีใหม่จะไม่ได้ฉลอง ถ้ามันขึ้นมาวูบๆ ตอนนี้ในยุโรป 40,000 กว่าทุกวัน เยอรมนีก็ขึ้นมาเยอะ เราเดินตามหลังเขามา 2-3 เดือน ดังนั้น​ เราไม่อยากให้เกิด เราอุตส่าห์ทำดีแล้ว อย่างน้อยเราเคร่งครัดมาตรการมากกว่าเขา คงขึ้นบ้าง แต่อย่าให้ขึ้นมาก และคงทำให้เศรษฐกิจมันเดินได้ เรื่องผ่อน​ นายกฯก็ยอมผ่อน ผมก็พยายามดึงๆไว้บ้างว่ามันต้องพอเหมาะพอสม ไม่อย่างนั้นมันกลับมาใหม่ แล้วต้องล็อคดาวน์ใหม่ มันเรื่องใหญ่มาก” นพ.อุดม​ กล่าว

นพ.อุดม​ กล่าวว่า​ ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ของไทยวันนี้ไม่ได้ถือว่าลง และอย่างนี้ถือว่่าไม่ดี​ เพราะตัวเลขมันทรงตัวอยู่ที่ 5,000-7,000 ราย มา 2-3 สัปดาห์แล้ว แสดงว่ามันไม่ดี ถ้าดีทำไมไม่ลงไปเรื่อยๆ ยิ่งไปดูต่างประเทศที่ตอนนี้เขาขึ้นมาก มันไม่มีทางที่เขาขึ้นแล้วเราจะไม่ขึ้น อย่างที่แอฟริกาที่มีเชื้อกลายพันธุ์ แปบเดียวมาฮ่องกงแล้ว​ เชื้อมันไปเร็ว สิ่งที่ตนพูดคือการเตือน แต่ขออย่ากังวล​

ผู้สื่อข่าวถามว่า​ จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่​ การผ่อนคลายให้เปิดผับ​ บาร์​ เร็วขึ้นจะเป็นไปได้หรือไม่​ นพ.อุดม​ กล่าวว่า ครั้งที่แล้วเราก็ลงมติไปแล้ว ว่าให้เปิดวันที่ 16 ม.ค.2565 ไม่ใช่ไม่ให้เปิด ตอนนี้ผู้ประกอบการต้องไปเตรียมการให้พร้อม สิ่งที่เรากังวลคือเรื่องถ่ายเทอากาศ เพราะถึงอย่างไรเรารู้ว่าจำกัดคนไม่ได้ เมื่อดื่มแอลกอฮอล์ก็พูดคุยเสียงดัง มีน้ำลายและละอองต่างๆ เอาเชื้อออกมา และที่สำคัญนั่งกันนาน ปัจจัยนี้คือปัจจัยเสี่ยง เรามีตัวอย่างคลัสเตอร์ใหญ่ๆในสถานบันเทิงมาแล้ว ดังนั้น​ อย่าให้มันมาเกิดอีก จึงขอขอให้เตรียมตัวให้ดี คุณต้องช่วยประเทศด้วย เพราะหากมีการระบาดใหม่จากตรงนี้จะเป็นเรื่องใหญ่ เราก็เข้าใจเขามีความเดือดร้อน รัฐบาลคงต้องเข้าไปเยียวยา แต่หากมาเปิดก่อนกลัวว่าปีใหม่จะไม่ได้ฉลอง

เมื่อถามว่า​ สรรพกำลังด้านสาธารณสุขเพียงพอหรือไม่​ หากมีการระบาดใหม่​ นพ.อุดม​ กล่าวว่า เรามีบทเรียน คิดว่ารองรับได้แน่นอน แต่ทำไมต้องไปเหนื่อยอีก หากตัวเลขไม่เกิน 5​,000 ราย แม้ถือว่ามาก แต่มันไม่เหนื่อยมาก แต่หากไปถึง 7​,000-1​0,000 ราย เราเหนื่อยมาก ถ้าไปถึง 2​0,000 ราย เตียงไม่พอแน่นอน ภาพการเข้าถึงเตียงยาก เสียชีวิตที่บ้าน เราไม่อยากให้เกิดภาพเช่นนั้น จึงอยากให้ประชาชนดูแลตัวเอง เพราะการดูแลตัวเองเหมือนการดูแลสังคมและประเทศ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ต่อไปจนถึงกลางปีหน้า เราต้องอยู่กับโควิค-19​  แต่อยากให้ได้วันละ 1,000-2,000 ราย เสียชีวิตไม่เกิน 20 ราย แบบนี้ไม่เหนื่อย​ รับได้

ที่มา dailynews