ที่แท้ฝีมือลูกน้อง วางเพลิงเผาโกดังน้ำมัน หลักฐานวงจรปิด สารภาพแค้นโดนดุด่า นายจ้างแจงแค่ตักเตือนเรื่องของการทำงานเท่านั้น ไม่มีปัญหาส่วนตัว

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 1 ธ.ค.64 ที่สภ.โพธิ์แก้ว อ.สามพราน จ.นครปฐม พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.พงษ์สวัสดิ์ คำปาเชื้อ รองผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.สธนทัต ตั้งสิทธิ์เสรีวงศ์ รองผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.โพธิ์แก้ว แถลงจับกุมน.ส.สิราสินี หรือแอน ศรียา อายุ 38 ปี โดยตั้งข้อกล่าวหา กระทำความผิดฐาน วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ซึ่งทรัพย์นั้นเป็นโรงเรือนที่เก็บสินค้า

พล.ต.ต.ชมชวิณ เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 29 พ.ย.64 เกิดเพลิงลุกไหม้อย่างหนัก ภายในคลังเก็บสินค้าขนาดใหญ่ ประเภทน้ำมันเครื่องของ บริษัท ประภากร ออยล์ จำกัด ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม โดยมีเจ้าของบริษัทคือ นายพิพัฒน์ อึ่งประภากร อายุ 65 ปี

เป็นเจ้าของและเป็นผู้แทนจำหน่ายน้ำมัน คลังเก็บสินค้าน้ำมันเครื่อง ชนิดแกลลอน 20 ลิตร และ 5 ลิตร จำนวนนับหมื่นแกลลอน มีน้ำมันบรรจุรวมหลายแสนลิตร อยู่ติดด้านหลังตลาดธัญญา ห่างจากถนนเพชรเกษม 300 เมตร เข้าไปในซอย มีลักษณะเป็นโกดังชั้นเดียวตั้งอยู่ในเนื้อที่กว่า 1 ไร่ เจ้าหน้าที่ช่วยกันใช้โฟมฉีดเพื่อดับไฟ แต่ระดับความรุนแรงของไฟที่ลุกไหม้และควันดำลอยพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้านั้นโหมหนักมาก จนต้องใช้รถดับเพลิงกว่า 40 คัน ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง

ประกอบกับข้างเคียงเป็นหมู่บ้าน ชุมชน และมีห้องแถว ทำให้น้ำมันไหลนองลงพื้นไฟลุกลามไปกว่า 100 เมตร เจ้าหน้าที่ต้องคอยฉีดน้ำดับเพลิงหล่อเลี้ยง เพื่อไล่น้ำมันไหลลงสู่คลอง และปิดประตูน้ำเพื่อกักน้ำมันไม่ให้ไหลออก สร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บคือ น.ส.สิราสินี ถูกไฟลวกและมีบาดแผลที่แขนได้รับบาดเจ็บ ถูกนำส่งรพ.มหาชัย แพทย์ช่วยเหลืออาการปลอดภัย และครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งที่สองแล้ว สำหรับการเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ของบริษัทประภากร ออยล์ เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยเกิดเพลิงไหม้อย่างรุนแรงเมื่อช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในโกดังที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าพบเพียงน.ส.สิราสินี พนักงานของบริษัทฯ ตำแหน่งหัวหน้าแผนกคลังสินค้า เดินอยู่ภายในโกดังที่เกิดเหตุ จากนั้นใช้กระดาษเช็กสต็อกขนาด A4 ที่ถืออยู่ จุดไฟแล้ววางไว้ที่กล่องน้ำมันหล่อลื่น 2 จุด จนเกิดเพลิงลุกไหม้

จากการสอบปากคำเบื้องต้นน.ส.สิราสินี ให้การว่า ทำงานในบริษัทประภากรออยล์ มานานกว่า 9 ปีแล้ว เป็นพนักงานหัวหน้าแผนกคลังสินค้า แต่ด้วยแรงกดดันที่ต้องถูกเจ้าของด่าทอทุกวัน จึงเกิดความอัดอั้น ทำให้คิดวางเพลิง และเป็นช่วงเวลาที่น.ส.สิราสินี ต้องเข้าไปในคลังสินค้า เพื่อเช็กสต็อกสินค้า

จึงทำให้ตัดสินใจทันที โดยเริ่มจากจุดไฟแช็คกับลังกระดาษที่บรรจุสินค้า และในจุดที่สอง จุดไฟแช็คกับกระดาษเช็คสต็อกเป็นกระดาษเอ 4 ที่ถือในมือ เมื่อติดไฟแล้วจึงวางกระดาษลงกับพื้น จากนั้นเมื่อไฟลุกจึงวิ่งหลบหนีไฟ ปรากฏว่าสะดุดล้มทำให้ไฟแช็คที่ใช้ก่อเหตุหล่นหายไป และไม่คาดคิดว่าไฟจะลุกไหม้รุนแรงมากขนาดนี้

สำหรับกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ สามารถจับภาพน.ส.สิราสินี ขณะเดินอยู่ในคลังสินค้า ซึ่งน.ส.สิราสินี ทราบอยู่แล้วว่ามีกล้องวงจรปิดติดไว้ ก็ไม่ได้คิดจะเดินหลบหนีกล้องแต่อย่างใด เดินทำงานไปมาตามปกติ เพราะจุดที่เข้าไปนั้นมีเพียงคนเดียว ส่วนเหตุจูงใจหลักๆ คือเกิดจากความโกรธแค้นนายจ้างที่ชอบมาด่าทอทุกวัน จนกดดันและเกิดความเครียด

ด้านนายพิพัฒน์ อึ้งประภากร นายจ้าง เดินทางมาร่วมในการแถลงข่าวครั้งนี้พร้อมกับเปิดเผยว่า ตนในฐานะที่เป็นเจ้าของบริษัท จึงต้องดูแลในทุกส่วน เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากคลังสินค้านั้นถือเป็นวัตถุอันตราย โดยส่วนใหญ่แล้วจะเพียงแค่ตำหนิกับลูกน้องในเรื่องของการทำงานเท่านั้น เช่นการสวมใส่หมวกเวลาทำงาน หรือสวมใส่รองเท้าบูทเพื่อความปลอดภัย เมื่อเห็นบุคลากรในบริษัทแต่งตัวไม่เรียบร้อยจะเรียก มาว่าตำหนิ เนื่องจากเป็นหัวหน้า ส่วนใหญ่จะมีเพียงแค่เรื่องงานเท่านั้น แต่สำหรับเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องครอบครัวของ ตนไม่ทราบว่ามีปัญหาเรื่องอื่นหรือไม่