“เสื้อกีฬา” นับว่าเป็นอีกหนึ่งไอเท็มสำคัญที่นักสะสมและแฟนกีฬาหลาย ๆ วงการต่างก็พยายามไขว่คว้าหามาครอบครองกันถ้วนหน้า อาจจะเป็นเสื้อของนักกีฬาที่เราชื่นชอบ ทีมที่ชื่นชอบ หรืออาจจะซื้อเพราะว่ามันสวยเฉย ๆ ก็ได้ ถึงอย่างไรขึ้นชื่อว่าเป็นของสะสม ย่อมต้องมีคุณค่าทางใจทั้งสิ้น

สำหรับนักสะสมสายฮาร์ดคอร์ การซื้อเสื้อกีฬาเฉย ๆ นั้น อาจจะยังไม่เพียงพอ ถ้ากำลังทรัพย์ของตัวเองไหว ถ้าขยับจากการซื้อ มาเป็นการประมูลเสื้อที่นักกีฬาคนโปรดของเราเคยใส่ก็ดูจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์กว่า นอกเหนือไปกว่านั้นเสื้อนักกีฬาเหล่านี้ที่มีประวัติอันโชกโชนในอดีต ก็อาจเแปรเปลี่ยนเป็นการสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือครองได้ในอนาคตอีกด้วย 

Main Stand ขอชวนมาดูลิสต์เสื้อนักกีฬาที่ถูกประมูลออกไปด้วยราคามหาโหดและมีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ที่มีทั้งเสื้อบาสเกตบอล เสื้อฟุตบอล อเมริกันฟุตบอล และฮอกกี้ เหล่านี้ไปด้วยกัน

อันดับ 10 ซีเนดีน ซีดาน (Zinedine Zidane)
ราคา 3.2 ล้านบาท (100,000 ดอลลาร์สหรัฐ) 

มันคือเสื้อทีมชาติฝรั่งเศสของ ซีเนดีน ซีดาน ที่เคยใส่ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศสสามารถคว้าแชมป์โลก ด้วยการเอาชนะบราซิลไปได้ 3 ประตูต่อ 0 

เสื้อตัวดังกล่าวยังมีลายเซ็นของซีดานประทับอยู่ที่อกอยู่ด้วย แม้ว่าทางบริษัทประมูลจะไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ว่าเสื้อตัวนี้เป็นเสื้อตัวที่ซีดานใส่เล่นจริงหรือไม่ แต่มันก็ถูกประมูลออกไปผ่านบริษัทประมูลจูเลียนส์ ในราคา 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 3.2 ล้านบาท

อันดับ 9 โคลิน เคเปอร์นิค (Colin Kaepernick)
ราคา 4.2 ล้านบาท (128,000 ดอลลาร์สหรัฐ) 

เสื้ออเมริกันฟุตบอลของอดีตนักอเมริกันฟุตบอล ตำแหน่งควอเตอร์แบ็คของทีมซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส ที่เคยคุกเข่าแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านการเลือกปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมกันกับคนผิวดำ ระหว่างที่เพลงชาติกำลังบรรเลงอยู่ในสนามแข่ง ส่งผลให้เขากลายมาเป็นภาพแทนของการแสดงออกเพื่อความเท่าเทียม แม้นี่ดูเหมือนเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ไม่มีทีมไหนยื่นสัญญาให้ จนเขายังคงตกงานอยู่จนทุกวันนี้

มันเป็นเสื้อแข่งสีขาวเบอร์ 7 ของ เคเปอร์นิค ในตอนที่ยังเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ พร้อมลายเซ็นที่อยู่ด้านหลัง ถูกนำมาประมูลผ่านบริษัทประมูลจูเลียนส์ และขายออกไปได้ในราคา 128,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว ๆ 4.2 ล้านบาท ส่งผลให้เสื้อตัวดังกล่าวกลายเป็นเสื้ออเมริกันฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก

อันดับ 8 สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ (Stephen Curry)
ราคา 4.4 ล้านบาท (135,060 ดอลลาร์สหรัฐ) 

เป็นเสื้อที่ สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ ใส่เล่นในเกมที่ 3 ของการแข่งขันบาสเกตบอล NBA ในรอบชิงชนะเลิศในปี 2017 ซึ่งเป็นปีที่ โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส ทีมของเขาได้แชมป์มาครอง 

เสื้อตัวดังกล่าวของ เคอร์รี่ ถูกประมูลออกไปผ่าน NBA Auction ในราคา 135,060 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 4.4 ล้านบาท แซงหน้าเสื้อของ เลบรอน เจมส์ (ที่ขณะนั้นยังเล่นให้กับทีม คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส) ในมูลค่า 92,020 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว ๆ 3 ล้านบาท

อันดับ 7 เปเล่ (Pelé)
ราคา 7.3 ล้านบาท (225,109 ดอลลาร์สหรัฐ)

เสื้อของนักฟุตบอลสมบัติของชาติบราซิล เป็นเสื้อทีมชาติที่ เปเล่ เคยใส่ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศเมื่อปี 1970 ที่ทีมชาติบราซิลเจอกับทีมชาติอิตาลี และสามารถเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 4-1

เสื้อตัวนี้ถูกนำมาประมูลผ่านเว็บคริสตี้ในปี 2002 ในราคา 225,109 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว ๆ 7.3 ล้านบาท ทำให้เสื้อตัวนี้กลายเป็นเสื้อฟุตบอลที่มีราคาสูงที่สุดในโลกไปโดยปริยาย

อันดับ 6 เลบรอน เจมส์ (LeBron James) 
ราคา 8.2 ล้านบาท (250,140 ดอลลาร์สหรัฐ) 

เสื้อของ เลบรอน เจมส์ ที่ใส่ลงเล่นในฤดูกาล 2020-21 ซึ่งเป็นเสื้อทีม All-Star เกมรวมดาวที่เอาผู้เล่นที่มีผลงานดีเยี่ยมมารวมตัวกันแข่งขันกับอีกทีม และในปีที่ผ่านมาทีม เลบรอน ได้เจอกับทีมของ เควิน ดูแรนท์ และสามารถเอาชนะไปได้ด้วยคะแนน 170 ต่อ 150 แต้ม 

เสื้อตัวนี้เป็นเสื้อออลสตาร์ ครั้งที่ 17 ของเลบรอน และมันถูกประมูลออกไปในราคา 250,140 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 8.2 ล้านบาท

อันดับ 5 วิลท์ แชมเบอร์เลน (Wilt Chamberlain) 
ราคา 39 ล้านบาท (1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) 

เสื้อของ วิลท์ แชมเบอร์เลน นักบาสเกตบอล ผู้เล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์ของทีม ฟิลาเดลเฟีย วอร์ริเออร์ส (ก่อนที่ภายหลังทีมจะย้ายไปอยู่ฝั่งตะวันตกจนกลายเป็น โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส ในปัจจุบัน) 

แชมเบอร์เลน ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีฝีมือยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งในช่วงฤดูกาล 1961-62 ซึ่งเป็นปีที่เขาสร้างสถิติที่ไม่น่าจะมีใครทำลายได้ นั่นคือการทำแต้มคนเดียว 100 คะแนนในเกมเดียว

ความพิเศษของเสื้อตัวนี้คือ ตอนที่ SCP Auction บริษัทผู้ให้ประมูลนำเสื้อตัวนี้ออกมาเปิดประมูล พวกเขาทำให้ระบบการประมูลเป็นแบบแชร์ หรือร่วมกันประมูล ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของเจอร์ซี่ของ แชมเบอร์เลน ได้ เพียงแค่ร่วมกันประมูลคนละ 10 ดอลลาร์เท่านั้น

อันดับ 4 พอล เฮนเดอร์สัน (Paul Henderson) 
ราคา 41 ล้านบาท (1.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) 

เสื้อของ พอล เฮนเดอร์สัน อดีตนักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง ตำแหน่งปีกซ้าย ชาวแคนาดา เสื้อตัวดังกล่าวเป็นเสื้อที่เฮนเดอร์สันใส่ลงเล่นในทีมชาติแข่งขันกับสหภาพโซเวียตในปี 1972 และสามารถเอาชนะทีมคู่แข่งไปได้ใน 34 วินาทีสุดท้าย ส่งผลให้เขาโด่งดังขึ้นทันทีในชั่วข้ามคืน 

เสื้อตัวนี้ที่ เฮนเดอร์สัน ใส่ ถูกประมูลออกไปในราคา 1.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 41 ล้านบาท และทำให้เสื้อตัวนี้เป็นเสื้อฮอกกี้น้ำแข็งที่มีราคาสูงที่สุดในโลกอีกเช่นกัน

อันดับ 3 ไมเคิล จอร์แดน (Michael Jordan) 
ราคา 45 ล้านบาท (1.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) 

เสื้อของนักบาสเกตบอลระดับตำนานอย่าง ไมเคิล จอร์แดน แห่งทีม ชิคาโก บูลส์ โดยเป็นเสื้อที่ใส่ในขณะที่เล่นอยู่กับทีมประจำมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ในช่วงฤดูกาล 1982-83 

เสื้อตัวนี้ถูกประมูลออกไปผ่าน Heritage Auction ในเดือนพฤษภาคม 2021 ในราคา 1.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 45 ล้านบาท

อันดับ 2 โคบี้ ไบรอันท์ (Kobe Bryant) 
ราคา 121 ล้านบาท (3.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) 

เสื้อเจอร์ซี่ย์ของนักบาสเกตบอลผู้ล่วงลับและเป็นที่รักของวงการอย่าง โคบี้ ไบรอันท์ เสื้อตัวนี้ทุบสถิติกลายเป็นเสื้อบาสเกตบอลที่มีราคาสูงที่สุดในโลกแซงหน้าเสื้อของ ไมเคิล จอร์แดน ไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2021 ที่ผ่านมา 

เสื้อตัวดังกล่าวเป็นเสื้อในสมัยที่ โคบี้ ไบรอันท์ ยังเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ของลีกเมื่อฤดูกาล 1996-97 ถูกประมูลไปผ่านเว็บไซต์ Goldin Auctions ด้วยราคา 3.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 121 ล้านบาท

อันดับ 1 เบบ รูธ (Babe Ruth) 
ราคา 185 ล้านบาท (5.64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) 

เสื้อของ เบบ รูธ นักกีฬาเบสบอล ผู้เล่นตำแหน่งพิตช์เชอร์ ในขณะที่ยังเล่นให้ นิวยอร์ค แยงกีส์ ที่ยังคงสถิติเป็นเสื้อนักกีฬาที่มีราคาแพงที่สุดในโลกอยู่ สถิตินี้ถูกทำลายไปเมื่อปี 2019 หลังจากที่มีการประมูลไปใน Hunt Auctions บริษัทผู้ให้ประมูลอุปกรณ์กีฬาที่เน้นไปที่อุปกรณ์หรือเสื้อผ้าแบบคลาสสิก 

เดิมทีก็เคยถือสถิติเป็นเจ้าของเสื้อกีฬาที่มีราคาแพงที่สุดในโลกมาก่อน (ในปี 2012 เสื้อทีมแยงกีส์ของเขาขายไปได้ในราคา 4.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มีรายละเอียดต่างกันตรงที่ตัวก่อนหน้าตรงหน้าอกนี้จะมีคำเขียนไว้ว่า ‘New York’ (เครื่องแบบในช่วงทศวรรษ 1920s) แต่กับตัวนี้ที่ขายไปในปี 2019 จะเขียนเป็นคำว่า ‘Yankees’ แทน (เครื่องแบบในช่วงทศวรรษ 1930s) 

ขอบคุณข้อมูลจาก SANOOK SPORT