“ฝ้า” นี้ มีที่มา
ก่อนอื่นเราต้องทำความรู้จักกับฝ้ากันก่อนค่ะ “ฝ้า” (Melasma) ที่เห็นนั้นเกิดจาก เซลล์สร้างเม็ดสี ในบริเวณผิวหนังทำงานผิดปกติ และส่งเม็ดสีขึ้นมาบนผิวหนังด้านบนเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ความเข้มของสีผิวไม่สม่ำเสมอ ลักษณะคล้ายกับจุดด่างดำแต่มีบริเวณที่กระจายกว้างกว่า บริเวณบนใบหน้ามักจะเกิดฝ้าได้ง่ายเพราะมีโอกาสสัมผัสกับแสงแดดมากกว่าส่วนอื่น เช่น โหนกแก้ม หน้าผาก เหนือคิ้ว และบริเวณเหนือริมฝีปาก ตามสถิติแล้วพบการเกิดฝ้าในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายและพบมากในวัย 30-40 ปี
ฝ้าตัวร้าย เกิดได้ แต่ก็รักษาหายนะ
สาเหตุการเกิดฝ้าที่สาวๆ ควรรู้นั้นมี 6 ข้อด้วยกันค่ะ ไม่แน่นะคะ บางอย่างที่เป็นกิจวัตรประจำวันของคุณ อาจจะเป็นตัวทำให้เกิดฝ้าหรือเป็นตัวเร่งให้เกิดฝ้าได้เร็วขึ้นก็ได้ ถ้าใช่ ก็หยุดทำร้ายตัวเองอนจะสายนะคะ เรามาดูกันดีกว่าฝ้า เกิดจากอะไรได้บ้าง
1. แสงแดดตัวร้าย มาแรงแซงทางโค้งมาเลยค่ะ เพราะแสงแดดนั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ก่อให้เกิดฝ้า ทั้งแสงอัลตราไวโอเลตทั้ง รวมทั้งแสง visible light เป็นตัวทำให้เกิดฝ้า หรือกระตุ้นเกิดฝ้าได้มากขึ้นทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นวันไหนได้ออกจากออฟฟิศ แต่โดยแสงไฟจากห้องประชุมอาบร่างทั้งวันทั้งคืน ก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นฝ้าได้ด้วยนะคะ ครีมกันแดดจึงเป็นเหมือนปัจจัยที่ 5 ในชีวิตเราเลยก็ว่าได้ ห้ามเกเรหรือขี้เกียจทาเด็ดขาด ถ้าไม่อยากโดนฝ้าถามหานะคะสาวๆ
2. ฮอร์โมน ด้วยอิทธิพลของฮอร์โมนจะทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย เช่น การตั้งครรภ์, วัยหมดประจำเดือน อันนี้ก็เป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจ แต่หลายคนอาจมองว่าไกลตัว แต่ก็ไม่แน่นะคะคุณอาจได้รับ ฮอร์โมนจากภายนอกร่างกายได้เช่นกัน เช่น รับประทานยาคุมกำเนิด, การใช้เครื่องสำอางบางชนิดที่มีฮอร์โมผสมอยู่ (เช่น ครีมอกตู้มทั้งหลาย มักมเฮอร์โมนเพศที่สกัดจากพืชผสมอยู่มาก) จึงมักพบผู้ที่เป็น ฝ้า ขณะตั้งครรภ์ หรือ รับประทานยาคุมกำเนิดได้บ่อย การลด ละ เลิกการทานยาคุมกำเนิดหรือเครื่องสำอางตัวนั้นอาจทำให้ฝ้าดีขึ้นได้ค่ะ หรือถ้าใครต้องทานยาคุมจริงๆ อาจปรึกษาแพทย์เพื่อหายาตัวอื่นที่มีปริมาณฮอร์โมนต่ำกว่าที่ทานอยู่แทนไปก่อนก็ได้ค่ะ
3. ยา พบว่าผู้ที่รับประทานยากันชักบางชนิด มักเกิดผื่นดำคล้ายรอย ฝ้า ที่บริเวณใบหน้า จึงเชื่อว่ายานี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดฝ้า ทางแก้อันนี้คงมีทางเดียวคือต้องตีหน้าเศร้าเข้าพบแพทย์กันไป บอกคุณหมอให้เปลี่ยนยาใหม่ พร้อมรักษาฝ้าไปในคราวเดียวกัน
4. เครื่องสำอาง การแพ้ส่วนผสมในเครื่องสำอางบางชนิดอาจทำให้เกิดรอยดำแบบฝ้าได้ ส่วนผสมเหล่านี้อาจเป็นพวกสารให้กลิ่น หรือ สี ทีนี้จะเป็นตัวไหนนั้นสาวๆ ต้องลองพิจารณาเครื่องสำอางในกรุตัวเองดูแล้วล่ะค่ะ ส่วนใหญ่แล้ว เครื่องสำอางที่เสี่ยงต่อการทำให้เกิดฝ้ามักเป็นครีมบำรุงประเภท Whitening ทั้งหลายล่ะค่ะ โดยเฉพาะพวกครีมผีบอก เทวดาสั่ง ไร้ที่มาแต่โฆษณาว่าจะขาวได้ใน 3 วัน 7 วัน อันนี้เสี่ยงสุดๆ ค่ะ
5. พันธุกรรม เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดฝ้าด้วยนะจะบอกให้ เนื่องจากมีรายงานว่าเป็นในครอบครัวได้ถึง ร้อยละ 30-50 เลยทีเดียว แต่รู้แล้วอย่าเพิ่งเศร้าใจไปค่ะ จุดนี้หากเราดูแลตัวเองดีๆ ใช้กันแดดทุกครั้งที่ออกแดด ไม่เสี่ยงกับเครื่องสำอางแปลกๆ ไม่ต้องทานยาคุมกำเนิด เรื่องที่เราจะเสี่ยงจากฝ้าได้นั้นก็น้อยมาก หายห่วงค่ะ
6. ขาดวิตามินบางตัว มีการพบว่าผู้ป่วยที่ขาดวิตามินบี 12 จะมีการทำงานผิดปกติของเม็ดสีเมลานิน ก่อให้เกิดฝ้าได้ วิตามิน B 12 ก็ไม่ได้หายากอะไรค่ะ สาวๆ ที่รับประทานเนื้อสัตว์ ตับ ไข่แดง และอาหารหมักดองเช่น กะปิ น้ำปลา เต้าเจี้ยวบ้าง ก็จะได้รับวิตามินตัวนี้ไปอยู่แล้ว ส่วนใครที่ไม่มีเวลา หาวิตามิน B รวมมาทานก็ได้ค่ะ นอกจากวิตามิน B 12จะช่วยเรื่องฝ้าแล้วยังช่วยบำรุงปลายประสาทอีกด้วย เรียกว่าคุ้มสองเด้งเลยนะคะงานนี้
ฝ้าเกิดได้ ก็หายได้ค่ะ ยิ่งโดยเฉพาะฝ้าเกิดใหม่ ใช้เพียงแค่ครีม whitening ทาตั้งแต่ยังเป็นจุดด่างดำ ก็ช่วยได้เยอะแล้วค่ะ ที่สำคัญต้องอย่าลืมครีมกันแดด เมื่อต้องออกแดด ต้องรีบทำให้ผิวเย็นลง เร็วที่สุด ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดการเกิดฝ้าได้มากขึ้นค่ะ
ที่สำคัญเรื่องการการใช้เครื่องสำอางที่ต้องรอบคอบมาก เพราะถ้าหากใช้ไปเรื่องเปื่อยตามกระแส หน้าเราอาจจะพังได้ง่ายๆ นะคะ บางครีมขาวจริงค่ะ ไม่กี่วันเท่านั้น พอเลิกใช้ หน้าใสๆ ก็กลายเป็นเสื่อมๆ ตัวอย่างก็มีให้เห็นมากมาย เพราะฉะนั้นอย่าเอาหน้าเราไปเสี่ยงกับฝ้า เพราะแค่คำว่าขาวใส่ไม่กี่วันเลยนะคะ
ที่มา sanook